Keyword
Company Update

KTB – NIM จะดีขึ้น แต่ credit cost จะสูงขึ้น – OUTPERFORM (ราคาเป้าหมาย 21 บาท)

11 Nov 21 6:11 PM
KTB-20240912025205

KTB เปิดเผยในการประชุมนักวิเคราะห์ว่าธนาคารคาดว่าสินเชื่อจะเติบโตเล็กน้อย credit cost จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเพื่อสะท้อนการเน้นปล่อยสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนสูง รายได้ค่าธรรมเนียมจะเติบโตเล็กน้อย และอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้จะอยู่ในระดับทรงตัว เรายังคงเรทติ้ง OUTPERFORM สำหรับ KTB และคงราคาเป้าหมายไว้ที่ 21 บาท เพราะ valuation ถูก NIM มีแนวโน้มขยายตัวดี และความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ต่ำ

สินเชื่อจะเติบโตเล็กน้อย และเน้นปล่อยสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนสูงKTB ตั้งเป้าสินเชื่อ (ไม่รวมสินเชื่อภาครัฐ) เติบโต 3-5% ในปี 2566 เทียบกับ 4.3% ในปี 2565 ธนาคารวางแผนลดสัดส่วนสินเชื่อภาครัฐที่ให้ผลตอบแทนต่ำ (16% ณ สิ้นปี 2565) และเพิ่มสัดส่วนสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนสูง (สินเชื่อส่วนบุคคลเป็นหลัก) ธนาคารวางแผนปล่อยสินเชื่อดิจิทัล (ผลตอบแทน 20% และอัตราส่วน NPL 2%) เพิ่มขึ้นเท่าตัวจาก 5 พันลบ. สู่ >1.0 หมื่นลบ. เราคาดการณ์การเติบโตของสินเชื่อ (รวมสินเชื่อเกี่ยวกับภาครัฐ) ที่ 1% ในปี 2566 เทียบกับ -1% ในปี 2565

credit cost จะค่อยๆ เพิ่มขึ้นจากการเน้นปล่อยสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนสูง KTB คาดว่า credit cost จะค่อยๆ เพิ่มขึ้นในปี 2566 เนื่องจากธนาคารจะเน้นปล่อยสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนสูงเพิ่มมากขึ้น KTB มี credit cost ระดับต่ำเพียง 0.93% ในปี 2565 เนื่องจากธนาคารมีเงินให้สินเชื่อภาครัฐที่มีความเสี่ยงต่ำและสินเชื่อส่วนบุคคลที่ปล่อยให้กับข้าราชการและลูกค้าที่มีบัญชีเงินเดือนกับ KTB ในสัดส่วนที่ค่อนข้างสูง ธนาคารตั้งเป้าคงอัตราส่วน NPL ไว้ที่ระดับ <3.5% ในปี 2566 เทียบกับ 3.26% (ตามการคำนวณของ KTB) ณ สิ้นปี 2565 และ LLR coverage ที่ราว 170% ณ สิ้นปี 2566 เทียบกับ 172% ณ สิ้นปี 2565 เราปรับประมาณการ credit cost เพิ่มขึ้น 5 bps สำหรับปี 2566 และปี 2567 โดยคาดว่า credit cost จะเพิ่มขึ้นจาก 0.93% ในปี 2565 สู่ 1.05% ในปี 2566 และ 1.1% ในปี 2567 เพื่อสะท้อนการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนสินเชื่ออย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยเน้นปล่อยสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนสูง

NIM มีแนวโน้มขยายตัวดี KTB ตั้งเป้าขยาย NIM จาก 2.6% ในปี 2565 สู่ >2.8% ในปี 2566 โดยเกิดจากประโยชน์จากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยและการเปลี่ยนมาเน้นปล่อยสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนสูง เราคาดว่า NIM จะเพิ่มขึ้น 22 bps สู่ 2.82% ในปี 2566

รายได้ค่าธรรมเนียมจะเติบโตเล็กน้อย KTB ตั้งเป้ารายได้ค่าธรรมเนียมเติบโตในอัตราเลขตัวเดียวระดับต่ำ ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมยังคงถูกกดดันจากการเปลี่ยนไปทำธุรกรรมผ่านโมบายแบงกิ้ง KTB มองเห็นโอกาส cross-sell ในธุรกิจ wealth management และ bancassurance โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านทางดิจิทัลแพลตฟอร์ม ณ สิ้นปี 2565 มีผู้ใช้งานแอปพลิเคชันเป๋าตัง 40 ล้านคน แอปพลิเคชัน Krungthai Next 16 ล้านคน และร้านค้าในแอปพลิเคชันถุงเงิน 1.7 ล้านราย เรายังคงประมาณการของเราไว้ว่ารายได้ค่าธรรมเนียมจะเติบโต 2% ในปี 2566 เทียบกับ 1% ในปี 2565

อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้จะอยู่ในระดับทรงตัว KTB ตั้งเป้าอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ที่ mid-40% ในปี 2566 เทียบกับ 43% ในปี 2565 เราคาดว่าอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้จะอยู่ในระดับทรงตัวที่ 43% ในปี 2566 KTB ตั้งเป้าลดอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ลงสู่ 42% ในระยะกลาง

คงเรทติ้ง OUTPERFORM ด้วยราคาเป้าหมายเท่าเดิม เรายังคงเรทติ้ง OUTPERFORM สำหรับ KTB และคงราคาเป้าหมายไว้ที่ 21 บาท (PBV ปี 2566 ที่ 0.7 เท่า) โดยได้รับการสนับสนุนจาก valuation ที่น่าสนใจที่ PBV 0.6 เท่า (เทียบกับ ROE 9%) และ PE 6.5 เท่า การได้รับประโยชน์เป็นอันดับต้นๆ จากอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น และความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ต่ำ

ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ: 1) ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์จากเงินเฟ้อสูงและเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และ 2) ผลกระทบจาก Fintech

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5