เราคาดว่ากำไร 1Q67 ของ OR (ประกาศ 8 พ.ค.) จะปรับตัวขึ้นแรง QoQ จากเพียง 193 ลบ. ใน 4Q66 สู่ 3.5 พันลบ. ใน 1Q67 (0.29 บาท/หุ้น) โดยได้รับการสนับสนุนจากกำไรขั้นต้น/ลิตรระดับสูงของกลุ่มธุรกิจ Mobility และไม่มีขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ส่งผลกระทบต่อกำไรใน 4Q66 นอกจากนี้เรายังคาดว่า EBITDA margin ของกลุ่มธุรกิจ Lifestyle (non-oil) จะปรับตัวดีขึ้น QoQ จากค่าใช้จ่ายที่ลดลงและปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม เราคาดว่ากำไรจะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องใน 2Q67 เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลวันหยุดในประเทศไทย แม้ว่าจะมีแรงกดดันบางส่วนต่อค่าการตลาดจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น เรายังคงประมาณการของเราไว้ว่ากำไรสุทธิจะเติบโต 16% สู่ 1.33 หมื่นลบ. ในปี 2567 โดยอิงกับกำไรขั้นต้นตามหลักความระมัดระวังที่ 1 บาท/ลิตร เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 0.99 บาทในปี 2566 ราคาหุ้น OR (-3% YTD) outperform SET (-4%) อยู่เล็กน้อย โดยซื้อขายที่ P/E (ปี 2567) ระดับ 16 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 3 ปีที่ 27 เท่า ค่อนข้างมาก เรายืนยันคำแนะนำ OUTPERFORM สำหรับ OR โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 27 บาท อ้างอิง EV/EBITDA ที่ 14 เท่า กลุ่มธุรกิจ Mobility: ปริมาณการขายจะลดลงตามฤดูกาล เราคาดว่าความต้องการน้ำมันดีเซลและน้ำมันเครื่องบินที่ลดลงจะฉุดรั้งให้ปริมาณการขายโดยรวมลดลง 6.9% QoQ สู่ 6.5 พันล้านลิตรใน 1Q67 ลดลง 7.2% YoY จากปริมาณการใช้น้ำมันดีเซลที่ลดลงในกลุ่มโรงไฟฟ้า เนื่องจากราคาก๊าซธรรมชาติกลับสู่ระดับปกติ อย่างไรก็ตาม กำไรของธุรกิจ Mobility จะได้แรงหนุนจากกำไรขั้นต้น/ลิตรที่เพิ่มขึ้นสู่ 1.2 บาท (+19% YoY, +60% QoQ) รวมถึงกำไรสต๊อก ค่าการตลาดจากการค้าปลีกน้ำมันยังแข็งแกร่ง โดยเฉพาะน้ำมันเบนซิน ในขณะที่ค่าการตลาดน้ำมันดีเซลได้รับแรงกดดันจากการควบคุมราคาโดยรัฐบาล กลุ่มธุรกิจ Lifestyle: EBITDA margin จะเพิ่มขึ้น QoQ EBITDA จากกลุ่มธุรกิจ Lifestyle น่าจะเพิ่มขึ้น 5% QoQ ใน 1Q67 ซึ่งเป็นผลมาจาก EBITDA margin ที่ดีขึ้นที่ 26.5% เทียบกับ 25.6% ใน 4Q66 และปริมาณการขายที่สูงขึ้นที่ร้านคาเฟ่ อเมซอน (+9% QoQ) ในขณะที่ยังมีการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง เราประเมินได้ว่าจำนวนแก้วที่ขายได้ต่อสาขาของร้านคาเฟ่ อเมซอน จะเพิ่มขึ้น 7.5% QoQ ซึ่งเป็นผลมาจากจำนวนสาขาที่เพิ่มขึ้น 1% QoQ กลุ่มธุรกิจ Global: ปริมาณการขายในฟิลิปปินส์จะเพิ่มขึ้น ธุรกิจในฟิลิปปินส์ของ OR น่าจะกลับมาช่วยสนับสนุนกำไรของกลุ่มธุรกิจ Global ใน 1Q67 เนื่องจากความต้องการน้ำมันเครื่องบินและ LPG เพิ่มขึ้น ในขณะที่ความต้องการน้ำมันดีเซลจากลูกค้าอุตสาหกรรมยังมีน้อย เราคาดว่าส่วนแบ่งกำไรจากกลุ่มธุรกิจ Global จะปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยจากฐานต่ำใน 4Q66 แต่สัดส่วน EBITDA จะยังอยู่ในระดับต่ำที่ 7% ใน 1Q67 ไม่เปลี่ยนแปลงจากปี 2566 กำไรจะเติบโตต่อเนื่อง เราคาดว่ากำไรของ OR จะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2567 โดยจะเติบโต 16% เทียบกับ +7% ในปี 2566 โดยได้แรงหนุนจากปริมาณการขายที่สูงขึ้นจากทั้งสามกลุ่มธุรกิจ – Mobility Lifestyle และ Global – ในขณะที่บริษัทยังคงเปิดสถานีบริการน้ำมันและขยายสาขาร้านค้าในธุรกิจ non-oil อย่างต่อเนื่อง โดยใช้สมมติฐานกำไรขั้นต้นของกลุ่มธุรกิจ Mobility ที่ 1 บาท/ลิตร และ EBITDA margin ของกลุ่มธุรกิจ Lifestyle ที่ 25% ซึ่งต่ำกว่า 25.4% ในปี 2566 เล็กน้อย ราคาเป้าหมาย 27 บาท อ้างอิง EV/EBITDA ที่ 14 เท่า เราประเมินมูลค่า OR โดยอิงกับ EV/EBITDA (ปี 2567) ที่ 14 เท่า ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยของธุรกิจค้าปลีกในตลาดไทย หรือเทียบเท่ากับ P/E (ปี 2567) ที่ 24 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยปี 2564-2566 ที่ 27 เท่าอยู่เล็กน้อย และ PBV 2.8 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ยปี 2564-2566 ที่ 2.9 เท่า ทั้งนี้เราให้ EV/EBITDA เป้าหมายสำหรับ OR สูงกว่าบริษัทอื่นๆ ในธุรกิจการตลาดน้ำมัน เพื่อสะท้อนความเป็นผู้นำในตลาดของบริษัท ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ: ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวจะส่งผลกระทบต่อความต้องการผลิตภัณฑ์น้ำมันและผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่น้ำมันของ OR ในขณะที่ความผันผวนของราคาน้ำมันอาจทำให้มีขาดทุนสต๊อกมากขึ้น ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ คือ การแทรกแซงของรัฐบาลในการกำหนดเพดานราคาขายปลีกน้ำมัน (โดยเฉพาะน้ำมันดีเซล) การแข่งขันที่สูงขึ้น และต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นซึ่งไม่สามารถส่งผ่านได้ | |||
ท่านสามารถอ่านและดาวน์โหลดเอกสารได้จาก OR240503_T
|