OSP รายงานกำไรสุทธิ 1Q66 จำนวน 778 ลบ. (+3.8% YoY และ +131.4% QoQ) สูงกว่าที่เราคาด 17% และสูงกว่า consensus คาด 43% โดยได้รับการสนับสนุนจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ฟื้นตัวสู่ 33.4% ตามคาด และส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนใน Unicharm ที่สูงกว่าคาด เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อการฟื้นตัวของส่วนแบ่งการตลาดเครื่องดื่มบำรุงกำลัง และคาดว่ากำไรจะเติบโตสูงในปี 2566 โดยได้รับการสนับสนุนจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับตัวดีขึ้นเพราะแรงกดดันต่อต้นทุนลดน้อยลงและประสิทธิภาพการผลิตดีขึ้น เราให้คำแนะนำ tactical call ที่ OUTPERFORM ด้วยราคาเป้าหมาย 32 บาท/หุ้น อ้างอิง PE เฉลี่ย 35 เท่า เนื่องจากราคาหุ้นมี upside จำกัด ดังนั้นเราจึงแนะนำให้ซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวลงสำหรับนักลงทุนรายใหม่ และ let profit run สำหรับผู้ที่มีหุ้นตัวนี้อยู่แล้ว
กำไรสุทธิ 1Q66 สูงกว่าที่เราคาด 17% OSP รายงานกำไรสุทธิ 1Q66 จำนวน 778 ลบ. (+3.8% YoY และ +131.4% QoQ) สูงกว่าที่เราคาด 17% และสูงกว่า consensus คาด 43% โดยได้รับการสนับสนุนจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ฟื้นตัวตามคาด และส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนที่สูงกว่าคาด รายได้อยู่ที่ 6.5 พันลบ. (-12.4% YoY แต่ +1.8% QoQ) เป็นไปตามคาด โดยได้รับการสนับสนุนจากการฟื้นตัวของรายได้กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มบำรุงกำลังในประเทศและการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของรายได้กลุ่มเครื่องดื่มในต่างประเทศ แม้ OSP รายงานส่วนแบ่งการตลาดเครื่องดื่มบำรุงกำลังที่ 46.6% ใน 1Q66 แต่ลดลงจาก 47.3% ใน 4Q65 เพราะการแข่งขันสูงขึ้นหลังจากคู่แข่งปรับราคาเพิ่มขึ้น อัตรากำไรขั้นต้นฟื้นตัวตามคาดสู่ 33.4% เทียบกับ 29.9% ใน 4Q65 และ 31.7% ใน 1Q65 สูงที่สุดในรอบ 8 ไตรมาส โดยได้รับการสนับสนุนจากประสิทธิภาพการผลิตที่สูงขึ้นหลังจากปิดเตาหลอม 1 จาก 7 เตาเพื่อลดต้นทุนซ้ำซ้อนตั้งแต่เดือนม.ค. ปริมาณการขายที่ปรับตัวดีขึ้น และต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่ลดลง 15% QoQ บริษัทรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนใน Unicharm จำนวน 306 ลบ. เติบโตอย่างมีนัยสำคัญจากปีก่อน และสูงกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ที่ 230 ลบ. กำไรสุทธิ 1Q66 คิดเป็น 28% ของประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 ของเราที่ 2.78 พันลบ. (+43% YoY)
คงประมาณการปี 2566 โดยคาดว่ากำไรจะเติบโตสูง แม้ว่าส่วนแบ่งการตลาดเครื่องดื่มบำรุงกำลังของ OSP หดตัวลงใน 1Q66 แต่เราคาดว่าจะค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้นทุกไตรมาส และจะถึงเป้าที่ OSP วางไว้ว่าจะเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดให้ได้อย่างน้อย 2% จากปีก่อน โดยจะทำให้ส่วนแบ่งการตลาดของบริษัทอยู่ที่ +/-50% ภายในสิ้นปีนี้ จากมูลค่าการตลาดของเครื่องดื่มชูกำลังขวด 10 บาท OSP มีสัดส่วนอยู่ประมาณ 20% ขณะที่มีสัดส่วน 80% ของมูลค่าตลาดในเครื่องดื่มชูกำลังขวด 12 บาท เราคาดว่าจะเห็นการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เพิ่มมากขึ้นใน 2H66 โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องดื่มกลุ่ม functional drink อัตรากำไรขั้นต้นมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น โดยเกิดจากแรงกดดันที่ลดน้อยลงจากต้นทุนวัตถุดิบ เช่น ก๊าซธรรมชาติ น้ำตาล และประสิทธิภาพการผลิตที่ดีขึ้น
ปัจจัยเสี่ยงและความกังวล ความกังวลหลักๆ ของเรา คือ: 1) ความผันผวนของต้นทุนวัตถุดิบหลัก 2) การแข่งขันในตลาดเครื่องดื่มบำรุงกำลังยังสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงไฮซีซั่น (ไตรมาส 2) เมื่อการจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขายและราคาอย่างเข้มข้นจะทำให้ค่าใช้จ่าย SG&A เพิ่มขึ้น และ 3) ความผันผวนในตลาด CLM และปริมาณการขาย
คงคำแนะนำ OUTPERFORM ด้วยราคาเป้าหมายปี 2566 ที่ 32 บาท/หุ้น เรามีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของส่วนแบ่งการตลาดและกำไรสุทธิในปี 2566 ของ OSP โดยปริมาณการขายและส่วนแบ่งการตลาดน่าจะปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่ 2Q66 เป็นต้นไป กำไรปกติน่าจะค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้นทุกไตรมาส โดยอิงกับสมมติฐานประสิทธิภาพการผลิตดีขึ้นและต้นทุนสินค้าขายโดยเฉลี่ยลดลง เรายังคงคำแนะนำ tactical call สำหรับ OSP ไว้ที่ OUTPERFORM ด้วยราคาเป้าหมายปี 2566 ที่ 32 บาท/หุ้น อ้างอิง PE เฉลี่ย 35 เท่า
PDF คลิกอ่านเพิ่มเติม OSP230512_T