Keyword
Company Update

บทวิเคราะห์รายบริษัท : TIDLOR

11 Nov 21 6:11 PM
tidlor-20240912005741

ผลประกอบการ 4Q65 ของ TIDLOR ออกมาตามคาด โดยสะท้อนถึง NPL ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องพร้อมกับการตั้งสำรองเพิ่มขึ้น โดย credit cost ทำจุดสูงสุดใหม่ สินเชื่อที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง รายได้ค่าธรรมเนียมที่เติบโตดี และอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาล QoQ เรายังคงเรทติ้ง NEUTRAL สำหรับ TIDLOR และคงราคาเป้าหมายไว้ที่ 30 บาท

4Q65: กำไรตามคาด กำไรสุทธิ 4Q65 ลดลง 9% QoQ (ตั้งสำรองเพิ่มขึ้น และ opex สูงขึ้น) แต่เพิ่มขึ้น 3% YoY (รายได้ดีขึ้น) สู่ 817 ลบ. เป็นไปตามที่เราคาดการณ์ไว้ กำไรสุทธิปี 2565 เพิ่มขึ้น 7% หลักๆ เกิดจากรายได้ที่ดีขึ้น

รายการที่สำคัญ:

1) คุณภาพสินทรัพย์: อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นและมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่สิ้นสุดลงทำให้ NPL เพิ่มขึ้น 12% QoQ (+60% ถ้านำยอดตัดหนี้สูญบวกกลับเข้ามา) ส่งผลทำให้อัตราส่วน NPL เพิ่มขึ้น 6 bps QoQ สู่ 1.61% credit cost เพิ่มขึ้น 50 bps QoQ (+259 bps YoY) ทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 3.35% LLR coverage ลดลงสู่ 249% จาก 254% ณ 3Q65

2) การเติบโตของสินเชื่อ: +7% QoQ, +32% YoY ดีกว่าประมาณการของเราที่ 30%

3) NIM: -4 bps QoQ เนื่องจากต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้น 21 bps QoQ มากกว่าผลตอบแทนจากการให้สินเชื่อที่เพิ่มขึ้น 12 bps QoQ

4) Non-NII: +26% QoQ, +21% YoY โดยได้แรงหนุนจากรายได้จากธุรกิจนายหน้าประกันภัย

5) อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้: เพิ่มขึ้น 364 bps QoQ (เกิดจาก opex ที่เพิ่มขึ้น 18% QoQ) แต่ลดลง 552 bps YoY สู่ 58.5%

จ่ายปันผลเป็นเงินสดและหุ้น TIDLOR จะจ่ายปันผลเป็นเงินสดที่อัตรา 0.292 บาท/หุ้น คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผล 1.05% นอกจากนี้บริษัทจะจ่ายปันผลเป็นหุ้นที่อัตรา 8 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นปันผล ซึ่งคิดเป็นจำนวนหุ้นที่ออกใหม่ได้ที่ 312 ล้านหุ้น (11.1% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดหลังจ่ายหุ้นปันผล)

แนวโน้มปี 2566 เราคาดว่ากำไรสุทธิปี 2566 จะเติบโต 19% (EPS เติบโต 6% เพราะถูกฉุดรั้งโดย dilution effect จากหุ้นปันผล) โดยเกิดจากสินเชื่อที่เติบโต 25% NIM ที่ลดลง 34 bps รายได้ค่านายหน้าประกันภัยที่เพิ่มขึ้น 25% credit cost ที่เพิ่มขึ้น 74 bps สู่ 3% และอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ที่ลดลงจากการประหยัดต่อขนาดมากขึ้น

คงเรทติ้ง NEUTRAL และคงราคาเป้าหมายไว้เท่าเดิม เรายังคงเรทติ้ง NEUTRAL สำหรับ TIDLOR และคงราคาเป้าหมายไว้ที่ 30 บาท (PBV 2.6 เท่า หรือ PE 17.5 เท่า สำหรับปี 2566)

ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ: 1) ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์จากเงินเฟ้อสูงและเศรษฐกิจโลกชะลอตัว 2) ความเสี่ยงด้าน NIM จากอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น 3) การแข่งขันที่สูงขึ้นจากธนาคารพาณิชย์ และ 4) ความเสี่ยงด้านกฎหมาย

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5