เนื้อหาโดยรวม
เราคาดว่ากำไร 1Q67 ของ SPALI จะลดลง 28.5% YoY และ 67.7% QoQ เพราะได้รับแรงกดดันจากการโอน backlog คอนโดน้อยลงและโครงการในออสเตรเลียที่ลดลง เมื่อรวมกับอัตรากำไรขั้นต้นที่ยังอยู่ในระดับต่ำ เราจึงคาดว่ากำไร 1Q67 จะเป็นจุดต่ำสุดของปีนี้ ในขณะที่กำไร 2Q67 น่าจะเพิ่มขึ้น โดยได้รับการสนับสนุนจากการเริ่มโอนคอนโดใหม่ 3 โครงการและประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ เรายังคงคำแนะนำ NEUTRAL สำหรับ SPALI โดยให้ราคาเป้าหมายปี 2567 ที่ 23.80 บาท/หุ้น อ้างอิง PE เฉลี่ย (16 ปี) ที่ 6.9 เท่า เราอาจจะทบทวนคำแนะนำอีกครั้งหลังจากประกาศผลประกอบการ 1Q67 กำไรสุทธิ 1Q67 จะลดลง YoY และ QoQ เราประเมินกำไรสุทธิ 1Q67 ของ SPALI ได้ที่ 772 ลบ. (-28.5% YoY และ -61.7% QoQ) เพราะได้รับแรงกดดันจากรายได้ที่ลดลง 14.2% YoY และ 51.3% QoQ สู่ 4.9 พันลบ. จากการโอน backlog คอนโดน้อยลง โดยสัดส่วนรายได้จากคอนโดจะอยู่ที่ 20% และแนวราบจะอยู่ที่ 80% อัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยคาดว่าจะอยู่ที่ 35.2% เทียบกับ 36.6% ใน 1Q66 และ 34.9% ใน 4Q66 เพราะได้รับแรงกดดันจากโครงการแนวราบที่ให้อัตรากำไรขั้นต้นต่ำกว่าคอนโด ส่วนแบ่งกำไรจากโครงการ JV ในออสเตรเลียน่าจะลดลง 93% YoY และ 91% QoQ สู่ 6 ลบ. ปัจจัยเหล่านี้รวมกันน่าจะส่งผลทำให้กำไรสุทธิ 1Q67 เป็นจุดต่ำสุดของปีนี้ คาดยอด presales ปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่เดือนเม.ย. เป็นต้นไป SPALI รายงานยอด presales ใน 1Q67 ที่ 6.9 พันลบ. (-23% YoY แต่ +29% QoQ) โดย 75% เกิดจากโครงการแนวราบ (มูลค่าลดลง 19% YoY แต่เพิ่มขึ้น 25% QoQ) โดยได้รับการสนับสนุนจากโครงการในจังหวัดอื่นๆ ในขณะที่ 25% เกิดจากคอนโด (มูลค่าลดลง 34% YoY แต่เพิ่มขึ้น 46% QoQ) ยอด presales ใน 1Q67 คิดเป็น 19% ของเป้ายอด presales ที่บริษัทวางไว้ในปี 2567 ที่ 3.6 หมื่นลบ. (+25%) เราคาดว่ายอด presales จะปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่เดือนเม.ย. เป็นต้นไป โดยได้แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ที่ประกาศเมื่อวันที่ 9 เม.ย. ประกอบการเปิดตัวโครงการใหม่ 9 โครงการ มูลค่า 1.4 หมื่นลบ. ใน 2Q67 Backlog ปัจจุบันมีมูลค่า 1.76 หมื่นลบ. ปัจจุบัน SPALI มี backlog มูลค่า 1.76 หมื่นลบ. (52% จากแนวราบ และ 48% จากคอนโด) โดย 84% จะรับรู้เป็นรายได้ในปี 2567 และส่วนที่เหลืออีก 16% จะรับรู้เป็นรายได้ในปี 2568-2569 เรายังคงประมาณการรายได้ปี 2567 ไว้ที่ 3.34 หมื่นลบ. (+7.2%) โดยมี secured revenue ที่ 59% เราคาดว่ายอด presales และยอดโอนจะปรับตัวเพิ่มขึ้นตั้งแต่ 2Q67 เป็นต้นไป โดยได้รับการสนับสนุนจากการโอน backlog ตามกำหนด และประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ จากการลดค่าธรรมเนียมการโอนสำหรับที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 7 ลบ. ซึ่งคิดเป็น 70-75% ของพอร์ตที่อยู่อาศัยของ SPALI สำหรับปี 2567 เราคาดการณ์กำไรสุทธิที่ 6.69 พันลบ. (+11.8%) เนื่องจากใน 2Q67 จะมีคอนโดใหม่เริ่มโอน 3 โครงการ กำไรสุทธิจึงน่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น QoQ แต่ทรงตัว YoY ปัจจัยเสี่ยงและความกังวล ปัจจัยที่ต้องจับตา: 1) การเลื่อนโครงการใหม่ในออสเตรเลียจากต้น 2Q67 เป็น 3Q67 อาจส่งผลกระทบต่อกระแสเงินสด สถานะหนี้สิน และส่วนแบ่งกำไรตั้งแต่ 2Q67 เป็นต้นไป และ 2) การบริหารสินค้าคงคลังในโครงการคอนโดขนาดใหญ่ “ไอคอนสาทร” มูลค่า 1.23 หมื่นลบ. ซึ่งจะก่อสร้างเสร็จใน 2Q67 โดยมีมูลค่าเหลือขายอยู่ที่ 9.5 พันลบ. ความเสี่ยงจาก ESG: แม้ SPALI ได้มีการขออนุญาต EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) ก่อนการพัฒนาโครงการ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม แต่ยังมีกรณีคดีฟ้องร้องเกิดขึ้นในคอนโดบางโครงการ ซึ่งเราประเมินว่าเป็นความเสี่ยง ESG ในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม (มีผลกระทบต่อชุมชนบริเวณใกล้เคียง) และธรรมาภิบาล | |||
ท่านสามารถอ่านและดาวน์โหลดเอกสารได้จาก SPALI240423_T
|