หลังการประชุมที่งาน Opportunity Day เราปรับประมาณการกำไรปี 2567 ของ THANI เพิ่มขึ้น 5% เนื่องจากเราปรับประมาณการ credit cost ลดลง โดยปัจจุบันเราคาดว่ากำไรปี 2567 จะเพิ่มขึ้น 4% (-5% สำหรับ EPS) โดยอิงกับสินเชื่อที่หดตัวลง NIM ที่ลดลง และ ECL ที่ลดลง เราเชื่อว่าคุณภาพสินทรัพย์ผ่านจุดที่แย่ที่สุดไปแล้วอันเป็นผลมาจากนโยบายปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดมากขึ้น เราคงคำแนะนำ NEUTRAL สำหรับ THANI โดยปรับราคาเป้าหมายเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 2.45 บาท สู่ 2.5 บาท ปรับประมาณการ credit cost ลดลง THANI คาดว่า credit cost จะลดลงสู่ 1.3-1.4% ในปี 2567 (เทียบกับ 1.33% ใน 1Q67) โดยจะอยู่ในระดับทรงตัว QoQ ในช่วงที่เหลือของปีนี้ เราปรับประมาณการ credit cost ปี 2567 ลดลง 25 bps สู่ 1.5% (ยึดหลักความระมัดระวังมากกว่าเป้าของบริษัทเล็กน้อย) ลดลง 50 bps จาก 1.95% ในปี 2566 ราคารถบรรทุกมือสองยังไม่มีความแน่นอน แม้ว่าดูเหมือนจะทำจุดต่ำสุดไปแล้ว โดยราคาปรับตัวลดลง 1.6% MoM และ 23% YoY ในเดือนเม.ย. สต๊อกรถยึดยังอยู่ในระดับทรงตัว QoQ ที่ ~300 คัน จำนวนรถยึดอยู่ที่ 110-120 คัน/เดือน เทียบกับค่าเฉลี่ย 120-130 คัน/เดือนในปี 2566 บริษัทคาดว่าจำนวนรถยึดจะลดลงใน 2Q67 อัตราขาดทุนจากรถยึดอยู่ที่ 27-28% สินเชื่อจะหดตัวลง THANI ปล่อยสินเชื่อใหม่ 4 พันลบ. ใน 1Q67 ต่ำกว่าเป้าที่บริษัทวางไว้ที่ 2.0 หมื่นลบ. ในปี 2567 (ต่ำกว่า 2.46 หมื่นลบ. ในปี 2566) ซึ่งสะท้อนถึงนโยบายปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดมากขึ้นและความต้องการรถบรรทุกที่ชะลอตัวลง ยอดขายรถบรรทุกใหม่ลดลงแรง 41% MoM และ 60% YoY ในเดือนเม.ย. สะท้อนถึงการปรับตัวลดลง 35% ใน 4M67 เราคงประมาณการยอดปล่อยสินเชื่อใหม่ในปี 2567 ไว้ว่าจะหดตัวลง 8% (เทียบกับ +1% ในปี 2566) สู่ 4.95 หมื่นลบ. สอดคล้องกับเป้าของบริษัทที่ ~5 หมื่นลบ. THANI หวังว่าการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐจะช่วยกระตุ้นความต้องการสินเชื่อ NIM มีแนวโน้มลดลง เราคาดว่า NIM จะลดลง 33 bps ในปี 2567 อันเป็นผลมาจากต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้นจาก 2.85% ในปี 2566 สู่ 3.35% ในปี 2567 ผลตอบแทนจากการให้สินเชื่อจะได้รับแรงกดดันจากการเปลี่ยนมาเน้นปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกใหม่เพิ่มมากขึ้นเพื่อควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ THANI ปรับอัตราดอกเบี้ยสำหรับสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกใหม่เพิ่มขึ้น 20-30 bps เพื่อรักษาผลตอบแทนจากการให้สินเชื่อไว้ ปรับประมาณการกำไรปี 2567 เพิ่มขึ้น เราปรับประมาณการกำไรปี 2567 เพิ่มขึ้น 5% เพื่อสะท้อนการปรับประมาณการ credit cost ลดลง โดยปัจจุบันเราคาดว่ากำไรปี 2567 จะเพิ่มขึ้น 4% เนื่องจากแม้ว่าสินเชื่อจะหดตัวลง 8% และ NIM จะลดลง 33 bps แต่จะถูกชดเชยโดย credit cost ที่ลดลง 50 bps Dilution effect จากหุ้นปันผล (10 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นปันผล) ทำให้เราคาดว่า EPS ปี 2567 จะลดลง 5% สำหรับ 2Q67 เราคาดว่ากำไรจะอยู่ในระดับทรงตัว QoQ แต่จะลดลง 20% YoY ซึ่งเป็นผลมาจากสินเชื่อที่หดตัวลง NIM ที่ลดลง และ credit cost ในระดับทรงตัว คงคำแนะนำ NEUTRAL โดยปรับราคาเป้าหมายเพิ่มขึ้น เรายังคงคำแนะนำ NEUTRAL สำหรับ THANI โดยปรับราคาเป้าหมายเพิ่มขึ้นจาก 2.45 บาท สู่ 2.5 บาท (อ้างอิง PBV ปี 2567 ที่ 1.1 เท่า) ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ: 1) ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ไม่ทั่วถึงและเศรษฐกิจโลกชะลอตัว 2) ขาดทุนจากการผิดนัดชำระหนี้ที่สูงขึ้น เนื่องจากราคารถบรรทุกมือสองลดลง และ 3) ความเสี่ยงขาลงต่อการเติบโตของสินเชื่ออันเป็นผลมาจากยอดขายรถบรรทุกที่ลดลง และ 4) ความเสี่ยง ESG จาก market conduct | |||
ท่านสามารถอ่านและดาวน์โหลดเอกสารได้จาก THANI240605_T
|