หากไม่รวมรายการพิเศษ พบว่ากำไรปกติของ AH อ่อนแอที่ 301 ลบ. ลดลงแรง 50% YoY และ 29% QoQ ต่ำกว่าตลาดคาด 14% จากยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นที่อ่อนแอ ผลประกอบการ 1Q67 ที่อ่อนแอและการผลิตรถยนต์ในประเทศไทยที่ชะลอตัวลงส่งผลทำให้เราปรับประมาณการกำไรปกติของ AH ลดลง 31% ในปี 2567 และ 30% ในปี 2568 เราปรับลดคำแนะนำ tactical call ระยะ 3 เดือน สำหรับ AH ลงสู่ NEUTRAL (จาก OUTPERFORM) เนื่องจากยังขาดปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้นในระยะสั้น ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2567 ที่เราปรับใหม่อยู่ที่ 23 บาท/หุ้น (ลดลงจาก 38 บาท/หุ้น)
1Q67: กำไรต่ำกว่าคาด AH รายงานกำไรสุทธิ 1Q67 ที่ 319 ลบ. (ลดลง 43% YoY แต่เพิ่มขึ้น 132% QoQ) หากไม่รวมรายการพิเศษ พบว่ากำไรปกติอ่อนแอที่ 301 ลบ. ลบ. ลดลงแรง 50% YoY และ 29% QoQ ต่ำกว่าตลาดคาด 14% จากยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นที่อ่อนแอ
รายการที่สำคัญ:
ยอดขายจากธุรกิจผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ OEM (69% ของยอดขาย) ลดลง 14% YoY แต่เพิ่มขึ้น 1% QoQ สู่ 5.1 พันลบ. หลักๆ ถูกฉุดรั้งโดยการดำเนินงานในประเทศไทยที่อ่อนแอลงจากการผลิตรถยนต์ลดลง โดยเฉพาะรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ ในขณะที่การดำเนินงานในโปรตุเกสและจีนแข็งแกร่งขึ้น (ยอดขายเติบโต YoY และ QoQ)
อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 9.5% ใน 1Q67 ลดลงจาก 12.6% ใน 1Q66 และ 11.5% ใน 4Q66 ต่ำกว่าเป้าของ AH ที่ 10-12% ในปี 2567
ส่วนแบ่งกำไรอยู่ที่ 44 ลบ. (-64% YoY, -35% QoQ) เพราะไม่มีส่วนแบ่งกำไรจากบริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ตั้งแต่ 2Q66 และบริษัทร่วม SACL หลังจากขายเงินลงทุนออกไปตั้งแต่ 1Q67
ปรับประมาณการกำไรลดลง ผลประกอบการ 1Q67 ที่อ่อนแอและการผลิตรถยนต์ในประเทศไทยที่ชะลอตัวลงส่งผลทำให้เราปรับประมาณการกำไรปกติของ AH ลดลง 31% ในปี 2567 และ 30% ในปี 2568 หลังจากปรับประมาณการ เราคาดว่ากำไรปกติปี 2567 จะลดลง 28% สู่ 1.3 พันลบ. เราปรับราคาเป้าหมายสิ้นปี 2567 ลดลงสู่ 23 บาท/หุ้น (จาก 38 บาท/หุ้น) ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับประมาณการกำไรและการปรับ PE เป้าหมายลดลงสู่ 6.4 เท่า หรือ -1SD ของ PE เฉลี่ยย้อนหลังตั้งแต่ปี 2556 (จาก 7.7 เท่า หรือ -0.5SD) เพื่อสะท้อนกำไรที่มีแนวโน้มปรับตัวลดลง
ปรับคำแนะนำลงสู่ NEUTRAL เนื่องจากขาดปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้น เราปรับลดคำแนะนำ tactical call ระยะ 3 เดือน สำหรับ AH ลงจาก OUTPERFORM สู่ NEUTRAL ในขณะที่เรามองว่า valuation ของ AH ไม่แพงที่ PE ปี 2567 ระดับ 5.8 เท่า แต่ AH จะได้รับแรงกดดันอย่างต่อเนื่องจากกำไรที่มีแนวโน้มปรับตัวลดลงในปี 2567 เรามองว่าภาพรวมน่าจะดูดีขึ้นในปี 2568 จากการดำเนินงานที่ดีขึ้นที่บริษัทร่วมทุนแห่งใหม่: AAPICO Avee (ถือหุ้น 60% โดย AH และที่เหลือ 40% ถือโดยบริษัทย่อยของ Proton Holdings Berhad) และ JV Purem AAPICO (บริษัทร่วมทุนที่ประกอบธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายระบบควบคุมการปล่อยไอเสียและส่วนประกอบที่เกี่ยวข้องสำหรับยานยนต์เพื่อการพาณิชย์และรถยนต์ส่วนบุคคล, AH ถือ 49%)
ปัจจัยเสี่ยง 1) ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ซึ่งส่งผลกระทบต่อความต้องการซื้อรถยนต์ 2) การขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งส่งผลทำให้ห่วงโซ่อุปทานอุตสาหกรรมยานยนต์หยุดชะงัก และ 3) ข้อพิพาททางกฎหมาย เรามองว่าความเสี่ยง ESG ที่สำคัญ คือ ประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม (E) แต่ AH มุ่งมั่นขับเคลื่อนองค์กรสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยกำหนดเป้าหมายไว้อย่างชัดเจน
ท่าน สามารถอ่านและดาวน์โหลดเอกสารได้จาก AH240515_T
Click here to read and/or download file AOT240515_E