เราปรับคำแนะนำ tactical call ระยะ 3 เดือนสำหรับ BCH ขึ้นสู่ OUTPERFORM (จาก NEUTRAL) โดยคงราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 อ้างอิงวิธี DCF ไว้ที่ 22 บาท/หุ้น เนื่องจากผลตอบแทนน่าสนใจเมื่อเทียบกับความเสี่ยง ราคาหุ้น BCH ปรับตัวลดลงมาแล้ว 19% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา โดยปัจจุบันเทรดที่ระดับ -2SD ของ PE เฉลี่ยในอดีต ซึ่งบ่งชี้ว่าปัจจัยลบจากผลประกอบการ 1Q66 ที่แย่กว่าคาดและการปรับประมาณการกำไรลงได้สะท้อนในราคาหุ้นมากพอสมควรแล้ว เราคงประมาณการกำไรของเราไว้เหมือนเดิม และมองว่าราคาหุ้นที่ลดลงเปิดโอกาสให้เข้าซื้อสะสมหุ้น BCH เพื่อกำไรที่จะปรับตัวดีขึ้นใน 2H66 และปี 2567
ปัจจัยลบสะท้อนในราคาหุ้นมากพอสมควรแล้ว โดยปัจจุบันเทรดที่ระดับ -2SD ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น BCH ปรับตัวลดลงมาแล้ว 19% แย่กว่า SET ที่ลดลง 2% และ SETHELTH ที่ลดลง 5% เพราะผลประกอบการ 1Q66 แย่กว่าคาดซึ่งส่งผลทำให้ตลาดมีการปรับประมาณการกำไรลง โดยเรามองว่าปัจจัยลบสะท้อนในราคาหุ้นมากพอสมควรแล้ว เนื่องจากปัจจุบันหุ้น BCH เทรดที่ PE ปี 2566 ระดับ 32 เท่า ซึ่งเท่ากับระดับ -2SD ของ PE เฉลี่ยในอดีตของบริษัท (ปี 2558-2562 ที่เป็นช่วงปกติไม่มีผลกระทบจากการให้บริการโควิด-19) และ valuation จะปรับลดลงสู่ PE ปี 2567 ระดับ 26 เท่า เรามองว่า valuation ที่อยู่ระดับต่ำจะช่วยป้องกัน downside ของราคาหุ้น และมองว่าเป็นโอกาสให้เข้าซื้อสะสมหุ้น BCH เพื่อแนวโน้มกำไรที่จะปรับตัวดีขึ้นใน 2H66 และปี 2567 ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 อ้างอิงวิธี DCF ของเราที่ 22 บาท/หุ้น (WACC ที่ 6.2% และอัตราการเติบโตระยะยาวที่ 3%) คิดเป็น PE ปี 2566 ได้ที่ 40 เท่า (ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยในอดีต) และ PE ปี 2567 ได้ที่ 33 เท่า
คาดการดำเนินงานดีขึ้นใน 2H66 เราคาดการณ์รายได้ปี 2566 ที่ 1.16 หมื่นลบ. ซึ่งยึดหลักความระมัดระวังมากกว่าเป้าหมายของบริษัทที่ 1.3 หมื่นลบ. เราคาดว่าการดำเนินงานที่ไม่เกี่ยวกับโควิด-19 จะปรับตัวดีขึ้นใน 2H66 โดยได้รับการสนับสนุนจากการเปิดศูนย์การแพทย์เฉพาะทางเพิ่ม (เช่น เวชศาสตร์ฟื้นฟู และศัลยกรรมพลาสติก) การอัพเกรดโรงพยาบาลเดิม และการปรับปรุงบริการผู้ป่วยชาวต่างชาติ BCH คาดว่ารายได้จากบริการผู้ป่วยชาวต่างชาติจะเพิ่มขึ้นสู่ 2.0 พันลบ. ในปี 2566 (เพิ่มขึ้น 31% YoY) หลังจากบริษัทเซ็นสัญญากับสถานทูตลิเบียและซาอุดีอาระเบียเพื่อส่งต่อผู้ป่วยมายังโรงพยาบาลของบริษัท และบริษัทกำลังพัฒนาตลาดจีน โดยร่วมมือกับเอเจนซีของจีนและ Lavida IVF Center เพื่อส่งต่อผู้ป่วยเข้ารับการรักษาด้านเวชศาตร์ชะลอวัย (anti-aging) และการมีบุตรยาก (IVF treatment) ซึ่งคาดว่าจะเห็นพัฒนาการมากขึ้นใน 3Q66 สำหรับโครงการประกันสังคม (SC, 33% ของรายได้) นอกเหนือจากประโยชน์ที่ได้รับทั่วทั้งอุตสาหกรรมจากการปรับเพิ่มอัตราค่าบริการเหมาจ่ายรายหัวผู้ประกันตนในโครงการประกันสังคมที่มีผลในเดือนพ.ค. แล้ว เรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อจำนวนผู้ประกันตนที่เพิ่มขึ้นของ BCH (+8% YoY ใน 1Q66) และรายได้ต่อผู้ประกันตนที่เพิ่มขึ้น (+5% YoY ใน 1Q66) ด้วย
คงประมาณการกำไร เราคาดว่ากำไรปกติ 2Q66 จะลดลง YoY แต่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย QoQ เนื่องจากผลกระทบจากช่วงโลว์ซีซั่นจะได้รับการชดเชยจากการปรับอัตราค่าบริการเหมาจ่ายรายหัวผู้ประกันตนในโครงการประกันสังคมเพิ่มขึ้น เรายังคงมุมมองที่ว่ากำไรปกติของ BCH จะปรับตัวดีขึ้นใน 2H66 (+HoH) และมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยจะเริ่มเห็นการเติบโต YoY ใน 4Q66 ด้วยแรงหนุนบริการที่ไม่เกี่ยวกับโควิด-19 ที่เติบโตเพิ่มขึ้น เราคาดการณ์กำไรปกติของ BCH ที่ 1.4 พันลบ. ในปี 2566 (-66% YoY) และ 1.7 พันลบ. ในปี 2567 (+20% YoY)
ปัจจัยเสี่ยง เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เช่น การเกิดโรคระบาดใหญ่ที่จะส่งผลกระทบทำให้ผู้ป่วยชะลอการเข้าใช้บริการ การแข่งขันรุนแรง การขาดแคลนบุคลากร และความเสี่ยงด้านกฎหมาย
PDF คลิกอ่านเพิ่มเติม BCH230523_T