ราคาหุ้น BCH ปรับตัวลดลง 6% ในช่วง 2 วันที่ผ่านมาจากการคาดการณ์ถึงกำไร 1Q67 ที่อ่อนแอ (+YoY, -QoQ) โดยมีสาเหตุมาจากรายได้จากบริการ IPD ที่ลดลง หลักๆ เป็นผลมาจากผู้ป่วยจากตะวันออกกลางที่เข้ามาน้อยลง เรายังคงมุมมองว่ากำไรปี 2567 ของ BCH จะยังคงมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยได้รับการสนับสนุนจากการเปิดศูนย์การแพทย์เพิ่ม การปรับปรุงโรงพยาบาลแล้วเสร็จ และการดำเนินงานที่ดีขึ้นของโรงพยาบาลใหม่ หุ้น BCH ซื้อขายที่ PE ปี 2567 ระดับ 28 เท่า หรือต่ำกว่า -1SD ของ PE เฉลี่ยในอดีต BCH เป็นหนึ่งในหุ้นเด่นของเราในกลุ่มการแพทย์ เราแนะนำ OUTPERFORM โดยให้ราคาเป้าหมายอ้างอิงวิธี DCF ที่ 25 บาท/หุ้น
พรีวิว 1Q67: ไตรมาสที่ชะลอตัว เราประเมินกำไรปกติได้ที่ 327 ลบ. เพิ่มขึ้น 29% YoY แต่ลดลง 32% QoQ โดยกำไรปกติที่เติบโต YoY จะได้แรงหนุนจากรายได้ที่แข็งแกร่งขึ้นและ EBITDA margin ที่กว้างขึ้น ในขณะที่ปัจจุบันเราคาดว่ากำไรปกติจะลดลง QoQ (ซึ่งอ่อนแอกว่าที่เราประเมินไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะอยู่ในระดับทรงตัว) โดยมีสาเหตุมาจากรายได้จากบริการ IPD ที่ลดลง เพราะผู้ป่วยจากตะวันออกกลางเข้ามาน้อยลง
เราประเมินรายได้ 1Q67 ได้ที่ 2.9 พันลบ. เพิ่มขึ้น 7% YoY แต่ลดลง 5% QoQ เมื่อแยกตามประเภทบริการ เราคาดการณ์ถึงโมเมนตัมรายได้ที่แข็งแกร่งจากบริการ OPD (+16% YoY, -3% QoQ) และบริการผู้ป่วยประกันสังคม (SC, +10% YoY, -3% QoQ) อย่างไรก็ตาม เราคาดว่ารายได้จากบริการ IPD จะลดลง (-3% YoY, -17% QoQ เพราะผู้ป่วยจากตะวันออกลาง (9% ของรายได้) เข้ามาน้อยลงในช่วงรอมฎอน โดยเฉพาะผู้ป่วยจากคูเวต (4-5% ของรายได้) ที่มีอีกประเด็นเฉพาะ โดยผู้ป่วยจากคูเวตส่วนใหญ่พึ่งพาเงินจากรัฐบาลคูเวตสำหรับค่ารักษาพยาบาลรวมถึงการรักษาในต่างประเทศ BCH เผยว่าขณะนี้ผู้ป่วยชาวคูเวตมีแนวโน้มชะลอการเข้ารักษาออกไปก่อน เนื่องจากรัฐบาลคูเวตกำลังประเมินและรวบรวมรายชื่อโรงพยาบาลในต่างประเทศที่ได้รับการรับรอง เพื่อจัดการงบประมาณด้านสุขภาพของประเทศให้มีประสิทธิภาพ โดยกระบวนการประเมินนี้คาดว่าจะแล้วเสร็จใน 2Q67 เราประเมิน EBITDA margin ได้ที่ 23.7% ใน 1Q67 เพิ่มขึ้นจาก 22.5% ใน 1Q66 แต่ลดลงจาก 27.1% ใน 4Q66
คาดรายได้และมาร์จิ้นมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น กำไรที่เราประเมินได้ใน 1Q67 คิดเป็น 18% ของประมาณการกำไรเต็มปีของเรา และเรายังคงประมาณการกำไรปี 2567 ของเราไว้ไม่เปลี่ยนแปลง โดยคาดการณ์ถึงกำไรที่แข็งแกร่งขึ้นอันเป็นผลมาจากรายได้ที่ดีขึ้นและ EBITDA margin ที่กว้างขึ้น โดยได้รับการสนับสนุนจาก:
1) การเปิดศูนย์หัวใจเพิ่มที่ โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ฉะเชิงเทรา (ม.ค. 2567)
2) การปรับปรุง โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ บางแค แล้วเสร็จ (เม.ย. 2567)
3) การเปิด ศูนย์มะเร็งรังสีรักษา เกษมราษฎร์อารี (3Q67, BCH ถือหุ้น 51%) ซึ่งจะให้บริการผู้ป่วย SC ที่ขณะนี้ส่งต่อไปยังโรงพยาบาลอื่นๆ และ
4) การเพิ่มบริการใหม่: บริการทันตกรรมเคลื่อนที่ (3Q67, BCH ถือหุ้น 60%) และ
5) การดำเนินงานที่ดีขึ้นของโรงพยาบาลใหม่ 3 แห่ง: โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล อรัญประเทศโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ปราจีนบุรี และ โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล เวียงจันทน์
ทั้งนี้ในปี 2567 เราคาดว่า BCH จะรายงานกำไรปกติเติบโต 20% สู่ 1.8 พันลบ. โดยอิงกับรายได้ที่เติบโต 9% และ EBITDA margin ที่ 26.7% (เพิ่มขึ้นจาก 24.9% ในปี 2566) ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2567 อ้างอิงวิธี DCF ของเราอยู่ที่ 25 บาท/หุ้น โดยอิงกับ WACC ที่ 7% และการเติบโตระยะยาวที่ 3%
ปัจจัยเสี่ยง การปรับอัตราการเบิกจ่ายสำหรับโครงการประกันสังคม จำนวนผู้ป่วยที่เข้ามาใช้บริการชะลอตัวลง และภาระต้นทุนที่โรงพยาบาลใหม่ เรามองว่าปัจจัยเสี่ยงด้าน ESG คือ ความปลอดภัยของผู้ป่วย (S) ซึ่ง BCH ได้นำเอาระบบบริหารคุณภาพต่างๆ มาใช้สำหรับกระบวนการดูแลผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง
|