เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อ BEM เนื่องจากมูลค่าโดยรวมของโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มสอดคล้องกับสมมติฐานของเรา และเรายังเล็งเห็น upside เพิ่มเติมจากโครงการทางพิเศษยกระดับชั้นที่ 2 (double deck) และโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ซึ่งเรายังไม่ได้นำมารวมไว้ในประมาณการของเรา นอกจากนี้กำไร 2Q67 ก็น่าจะออกมาดี โดยที่เราคาดว่ากำไรจะเติบโต 16.3% QoQ และ 9.4% YoY สู่ 985 ลบ. นอกจากนี้เรายังคาดว่ากำไรจะเติบโต QoQ และ YoY ต่อเนื่องใน 3Q67เรายังคงคำแนะนำ OUTPERFORM สำหรับ BEM โดยให้ราคาเป้าหมายอ้างอิงวิธี SOTP ที่ 10.5 บาท/หุ้น (8.2 บาท/หุ้น สำหรับธุรกิจหลัก, 1.5 บาท/หุ้น สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม และ 0.8 บาท/หุ้น สำหรับเงินลงทุนใน TTW และ CKP)
ประเด็นสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์ ประเด็นสำคัญของการประชุมครั้งนี้เป็นการอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ผู้บริหารเชื่อว่ารถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันออกจะเปิดให้บริการได้ภายใน 3.5 ปี หรือปี 2571 หลังจากบริษัทได้รับหนังสือแจ้งให้เริ่มงาน (Notice to Proceed: NTP) ซึ่งคาดว่าจะได้รับในเร็วๆ นี้ ในส่วนของสายสีส้มตลอดสายนั้นคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ภายใน 6 ปีหลังจากที่ได้รับ NTP หรือเปิดให้บริการเต็มรูปแบบภายในต้นปี 2573 โครงสร้างค่าโดยสารในช่วง 10 ปีแรกจะอยู่ที่ 17-44 บาท/เที่ยว โดยในกรณีที่รัฐบาลจะมีการดำเนินนโยบาย 20 บาทตลอดสาย จะชดเชยส่วนต่างให้กับ BEM จำนวนผู้โดยสารสายสีส้มในช่วงเปิดให้บริการฝั่งตะวันออกคาดว่าจะอยู่ที่ 120,000 เที่ยว/วัน และจะเพิ่มสู่ระดับ 300,000 เที่ยว/วัน ได้ภายในปี 2573 หลังจากที่บริษัทเปิดให้บริการเต็มรูปแบบ สำหรับจุดคุ้มทุนของสายสีส้มที่ระดับ กำไรสุทธิคาดว่าจะอยู่ที่ 400,000-500,000 เที่ยว/วัน และผู้บริหารคาด IRR ของโครงการนี้อยู่ที่ 9% ซึ่งใกล้เคียงกับสมมติฐานของเรา บริษัทยังคงยืนยันว่าจะไม่มีการเพิ่มทุนและจะยังสามารถจ่ายปันผลในรูปแบบของเงินสดได้ถึงแม้ว่าจะมีโครงการที่ทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เช่น โครงการทางพิเศษยกระดับชั้นที่ 2 (double deck) และโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้
คาดกำไรสุทธิ 2Q67 เติบโต QoQ และ YoY เราประเมินกำไรสุทธิ 2Q67 ได้ที่ 985 ลบ. เพิ่มขึ้น 16.3% QoQ โดยได้แรงหนุนจากรายได้เงินปันผลจาก TTW และ CKP และเพิ่มขึ้น 9.4% YoY โดยได้แรงหนุนจากจำนวนผู้โดยสาร MRT (สายสีน้ำเงิน) ที่เพิ่มขึ้น รายได้จากธุรกิจทางด่วน (53% ของรายได้รวม) น่าจะอยู่ที่ 2.1 พันลบ. ลดลง 9.1% QoQ (ปัจจัยฤดูกาล) และ 1.9% YoY (การปิดทางด่วนบางส่วน) รายได้จาก MRT (40% ของรายได้รวม) น่าจะอยู่ที่ 1.6 พันลบ. ลดลง 5.2% QoQ จากปัจจัยฤดูกาล แต่เพิ่มขึ้น 6.7% YoY จากจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น เมื่ออิงกับตัวเลขกำไร 2Q67 ที่เราประเมินได้ กำไรสุทธิ 1H67 จะคิดเป็น 46% ของประมาณการกำไรเต็มปีของเรา และเราเชื่อว่ากำไรจะยังคงเป็นไปตามที่เราคาดการณ์ไว้ในปี 2567 BEM จะประกาศผลประกอบการวันที่ 13 ส.ค.
อัพเดทปริมาณจราจรในช่วง 6M67 ในเดือนมิ.ย. BEM รายงานปริมาณรถที่ใช้ทางด่วนเฉลี่ย 1.1 ล้านเที่ยวต่อวัน เพิ่มขึ้น 1% MoM แต่ลดลง 0.3% YoY จากการปิดทางด่วนช่วงดาวคะนอง-สุขสวัสดิ์บางส่วนตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. โดยรวมแล้ว ปริมาณรถที่ใช้ทางด่วนเฉลี่ยในช่วง 6M67 อยู่ที่ 1.1 ล้านเที่ยวต่อวัน ลดลง 0.2% YoY เทียบกับประมาณการของเราที่คาดว่าจะไม่เติบโตในปี 2567 ซึ่งเราเชื่อว่ายังคงเป็นไปตามเป้า สำหรับ MRT (สายสีน้ำเงิน) จำนวนผู้โดยสารเฉลี่ยในเดือนมิ.ย. อยู่ที่ 411,900 เที่ยวต่อวัน เพิ่มขึ้น 6.3% MoM (โรงเรียนเปิดเรียนเต็มรูปแบบ) และ 8.1% YoY จำนวนผู้โดยสารเฉลี่ยในช่วง 6M67 อยู่ที่ 412,000 เที่ยวต่อวัน เพิ่มขึ้น 12.4% YoY เทียบกับประมาณการปี 2567 ของเราที่ 15%
ความเสี่ยงและความกังวล ปริมาณรถใช้ทางด่วนที่ฟื้นตัวช้าจะสร้าง downside risk ต่อประมาณการของเรา ความเสี่ยง ESG ที่สำคัญสำหรับ BEM คือ ความปลอดภัยในการเดินทาง ความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยอาจจะส่งผลกระทบทำให้จำนวนผู้ใช้ทางด่วนและผู้โดยสาร MRT ปรับตัวลดลง และสร้าง downside ต่อประมาณการกำไรของเรา
|
|||
ท่านสามารถอ่านและดาวน์โหลดเอกสารได้จาก BEM240724_T
|