เราคาดว่ากำไรของ BLA จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปี 2566 และปี 2567 โดยได้แรงหนุนจากอัตราส่วนเงินสำรองประกันชีวิตและผลประโยชน์จ่ายตามกรมธรรม์ที่ลดลงอันเป็นผลมาจากการโอนกลับสำรองค่าเผื่อความผันผวน (PAD) เนื่องจากกรมธรรม์ครบกำหนด เราคาดว่า VNB จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2566 ในอัตราเดียวกับการฟื้นตัวของเบี้ยประกันภัยรับปีแรก VNB ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องคาดว่าจะหนุนให้ EV เพิ่มขึ้นเล็กน้อยในปี 2566 เรายังคงเรทติ้ง OUTPERFORM สำหรับ BLA และคงราคาเป้าหมายไว้ที่ 40 บาท (1x EV) โดยคาดว่ากำไรจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และ VNB จะเพิ่มขึ้น
อัตราส่วนเงินสำรองประกันชีวิตและผลประโยชน์จ่ายตามกรมธรรม์จะลดลง BLA คาดว่าอัตราส่วนเงินสำรองประกันชีวิตและผลประโยชน์จ่ายตามกรมธรรม์จะลดลงจาก 113% ในปี 2565 สู่ราว 108% ในปี 2566 และเกือบ 100% ในปี 2567 และปี 2568 เนื่องจากบริษัทจะเพิ่มสัดส่วนผลิตภัณฑ์ที่ให้มาร์จิ้นสูงอย่างต่อเนื่อง และโอนกลับสำรองค่าเผื่อความผันผวน (PAD) จากกรมธรรม์ที่ครบกำหนดซึ่งจะเพิ่มขึ้นจาก 1.8 หมื่นลบ. ในปี 2565 สู่ราวปีละ 3.0 หมื่นลบ. ในปี 2566-2568 บริษัทจะเน้นผลิตภัณฑ์ที่ให้มาร์จิ้นสูง (ประกันสุขภาพ, ประกันโรคร้ายแรง, PAR, ยูนิตลิงค์ และ MRTA) เราคาดการณ์อัตราส่วนเงินสำรองประกันชีวิตและผลประโยชน์จ่ายตามกรมธรรม์ตามหลักระมัดระวังที่ 110% ในปี 2566 และ 105% ในปี 2567 และปี 2568
เบี้ยประกันภัยรับรายใหม่จะเพิ่มขึ้น แต่เบี้ยประกันภัยรับทั้งหมดจะลดลง ในปี 2566 BLA ตั้งเป้าเบี้ยประกันภัยรับรายใหม่เติบโต 17% (เทียบกับ 11% ในปี 2565) แต่คาดว่าเบี้ยประกันภัยรับปีต่อไปจะลดลง 6% (เทียบกับ -2% ในปี 2565) และเบี้ยประกันภัยรับทั้งหมดจะลดลง 2% (เทียบกับระดับทรงตัวในปี 2565) สำหรับปี 2566 เราคาดการณ์ตามหลักระมัดระวังว่าเบี้ยประกันภัยรับรายใหม่จะเติบโต 12% เบี้ยประกันภัยรับปีต่อไปจะลดลง 6% และเบี้ยประกันภัยรับทั้งหมดจะลดลง 3%
VNB จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มูลค่าปัจจุบันของกรมธรรม์ใหม่ (VNB) เพิ่มขึ้น 34% สู่ 1.76 บาท/หุ้น ในปี 2565 โดยได้แรงหนุนจากเบี้ยประกันภัยรับปีแรกแบบคำนวณรายปี (APE) ที่เติบโต 10% และ VNB margin ที่เพิ่มขึ้นมาก (+7 ppt สู่ 42.6% ตามการคำนวณของ BLA) ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับสมมติฐาน ROI เพิ่มขึ้นสู่ 3.75% จาก 3.25% ในปี 2564 สำหรับปี 2566 บริษัทคาดว่า VNB margin จะปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย และคาดว่า VNB จะเติบโตในระดับเดียวกับการเติบโตของเบี้ยประกันภัยรับปีแรก เราคาดว่า VNB จะเพิ่มขึ้น 12% ในปี 2566 เท่ากับการเติบโตของเบี้ยประกันภัยรับปีแรก เราคาดว่ามูลค่าพื้นฐานของกิจการ (EV) จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในปี 2566 โดยได้แรงหนุนจาก VNB ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
กำไรจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งสองปีติดต่อกัน เราคาดว่า BLA จะรายงานกำไรเติบโตอย่างแข็งแกร่งสองปีติดต่อกันที่ 45% ในปี 2566 และ 36% ในปี 2567 หลักๆ ได้แรงหนุนจากอัตราส่วนเงินสำรองประกันชีวิตและผลประโยชน์จ่ายตามกรมธรรม์ที่ลดลงจากการโอนกลับสำรองค่าเผื่อความผันผวน (PAD) เนื่องจากกรมธรรม์ครบกำหนด
คงเรทติ้ง OUTPERFORM เรายังคงเรทติ้ง OUTPERFORM สำหรับ BLA และคงราคาเป้าหมายไว้ที่ 40 บาท (1x EV ปี 2566) เพราะคาดว่ากำไรจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และ VNB จะเพิ่มขึ้นในปี 2566 โดยมีสาเหตุมาจากอัตราส่วนเงินสำรองประกันชีวิตและผลประโยชน์จ่ายตามกรมธรรม์ที่ลดลง VNB margin ที่ดีขึ้น และ ROI ที่สูงขึ้น
ปัจจัยความเสี่ยง ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ ได้แก่: 1) แรงกดดันต่อกำลังซื้อของลูกค้าจากภาวะเงินเฟ้อ 2) ความผันผวนของตลาดทุน 3) การเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล และ 4) การบังคับใช้มาตรฐานการบัญชีใหม่ โดยเฉพาะ IFRS17