กำไรปกติ 4Q65 ของ CPALL อยู่ที่ 3 พันลบ. +9% YoY แต่ -20% QoQ ต่ำกว่าคาด เพราะมาร์จิ้นต่ำกว่าคาด และ SG&A สูงกว่าคาด ด้วยเหตุนี้ เราจึงปรับประมาณการกำไรปี 2566 ลดลง 4% ด้วย SSS ที่มีอัตราการเติบโตเป็นบวกใน 1Q66TD (อัตราเลขตัวเดียวระดับสูงสำหรับธุรกิจ CVS อัตราเลขตัวเดียวระดับสูงสำหรับธุรกิจ B2B และอัตราเลขตัวเลขระดับต่ำสำหรับธุรกิจ B2C) เราจึงคาดว่ากำไรปกติ 1Q66 จะเติบโต YoY จากยอดขายที่ดีขึ้นทั้งธุรกิจ CVS และ MAKRO และ QoQ จากปัจจัยฤดูกาล เรายังคงเรทติ้ง OUTPERFORM สำหรับ CPALL ด้วยราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 อ้างอิงวิธี DCF ที่ 78 บาท
กำไรสุทธิ 4Q65 อยู่ที่ 3.1 พันลบ. -53% YoY และ -15% QoQ ต่ำกว่าที่เราคาดการณ์ไว้อยู่ 12% และต่ำกว่า consensus คาดอยู่ 20% เพราะอัตรากำไรขั้นต้นต่ำกว่าคาด และ SG&A สูงกว่าคาดที่ธุรกิจร้านสะดวกซื้อ (CVS) (หลักๆ เกิดจากการปรับปรุงรายการ SG&A ช่วงสิ้นปี ด้วยค่า incentive และค่าใช้จ่ายโบนัสที่สูงขึ้น เพื่อสะท้อนการดำเนินงานปี 2565 ที่แข็งแกร่ง) หากไม่รวมกำไรที่เกิดขึ้นครั้งเดียวจำนวน 96 ลบ. (กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนสูงกว่าค่าใช้จ่ายในการชำระหนี้คืนก่อนกำหนดของ MAKRO) กำไรปกติ 4Q65 อยู่ที่ 3 พันลบ. +9% YoY เนื่องจากยอดขายและมาร์จิ้นในธุรกิจ CVS ฟื้นตัวมากพอชดเชยส่วนแบ่งกำไรจาก MAKRO ที่ลดลงหลังจากเปลี่ยนแปลงสัดส่วนการถือหุ้น แต่ -20% QoQ เนื่องจากค่าใช้จ่าย SG&A สูงขึ้น CPALL ประกาศจ่ายเงินปันผลปี 2565 ในอัตรา 0.75 บาท/หุ้น
รายการที่สำคัญเกี่ยวกับธุรกิจ CVS ใน 4Q65SSS เติบโต 15% YoY (เทียบกับ +1% YoY ใน 4Q64 และ +22% YoY ใน 3Q65) จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ นักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น และฐานต่ำของปีก่อนสืบเนื่องมาจากมาตรการควบคุมการระบาดของ COVID-19 เช่น มาตรการเคอร์ฟิวช่วงกลางคืน จำนวนลูกค้าโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 926 คน/สาขา/วัน (+14% YoY) และยอดซื้อต่อบิลอยู่ที่ 85 บาท (ทรงตัว YoY) ยอดขาย 74% จากยอดขายทั้งหมดเกิดจากสินค้ากลุ่มอาหาร (+100bps YoY) และ 26% เกิดจากสินค้ากลุ่มที่ไม่ใช่อาหาร สาขา CPALL เปิดสาขาเพิ่ม 178 สาขาใน 4Q65 ส่งผลทำให้จำนวนสาขาสุทธิอยู่ที่ 13,838 สาขา ณ สิ้น 4Q65 +5% YoY และ +1% QoQ อัตรากำไรขั้นต้น เมื่อดูจาก product mix อยู่ที่ 26.6% ทรงตัว QoQ โดยมาร์จิ้นสินค้ากลุ่มอาหารและสินค้ากลุ่มที่ไม่ใช่อาหารไม่เปลี่ยนแปลง เนื่องจากการมียอดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ที่ให้มาร์จิ้นต่ำเพิ่มมากขึ้นไปหักล้างการมียอดขายสินค้ากลุ่ม RTE และสินค้ากลุ่มดูแลสุขภาพที่ให้มาร์จิ้นสูงเพิ่มมากขึ้น แต่เพิ่มขึ้น 50bps YoY จากมาร์จิ้นที่ดีขึ้นทั้งจากสินค้ากลุ่มอาหาร (+40bps YoY) และสินค้ากลุ่มที่ไม่ใช่อาหาร (+100bps YoY) ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย (ไม่รวมค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยจาก MAKRO) อยู่ที่ 2.5 พันลบ. +3% YoY และ QoQ เนื่องจาก CPALL ได้ออกหุ้นกู้เพื่อรีไฟแนนซ์หุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุน (perpetual bond) มูลค่า 1.0 หมื่นลบ. ในเดือนส.ค.
รายการที่สำคัญเกี่ยวกับ MAKRO ใน 4Q65 ใน 4Q65 CPALL มีสัดส่วนการถือหุ้น 60% ใน MAKRO เทียบกับ 72% ใน 4Q64 กำไรปกติ 4Q65 ของ MAKRO อยู่ที่ 2.7 พันลบ. +5% YoY โดยเกิดจากธุรกิจ B2B ที่ดีขึ้น และ +68% QoQ โดยเกิดจากธุรกิจ B2B และ B2C ที่ดีขึ้นตามฤดูกาล
ออกหุ้นกู้ชุดใหม่ เมื่อวันที่ 23 ก.พ. 2566 CPALL ได้ออกหุ้นกู้ มูลค่า 1.2 หมื่นลบ. อายุเฉลี่ย 8 ปี และต้นทุนทางการเงินเฉลี่ย 3.62% ต่อปี (ต่ำกว่าต้นทุนทางการเงินเดิมของ CPALL ที่เกือบ 4% ต่อปีอยู่เล็กน้อย) เพื่อชำระคืนหุ้นกู้ที่ครบกำหนดและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ คือ การเปลี่ยนแปลงในด้านกำลังซื้อและต้นทุนที่สูงขึ้นจากแรงกดดันเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น