กำไรปกติ 2Q66 ออกมาตามคาดที่ 1.5 พันลบ. +8% YoY ซึ่งเป็นผลมาจากดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงจากการรีไฟแนนซ์หนี้ แต่ -18% QoQ จากปัจจัยฤดูกาล ใน 3Q66TD SSS เติบโตในอัตราเลขตัวเดียวระดับต่ำ YoY ที่ธุรกิจ B2B แต่ลดลงในอัตราเลขตัวเดียวระดับต่ำ YoY ที่ธุรกิจ B2C (ส่วนหนึ่งเกิดจากยอดขายที่ลดลง 1% หลังจากลดชั่วโมงการให้บริการช่วงกลางคืนสำหรับสาขาขนาดเล็กเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานในเดือนเม.ย.) เราคาดว่ากำไร 3Q66 จะเติบโต YoY และ QoQ หลักๆ เกิดจากดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลง โดยประเมินต้นทุนทางการเงินเฉลี่ยได้ที่ระดับต่ำกว่า 3.7% ต่อปี ใน 3Q66 เทียบกับ 4.4% ต่อปี ใน 3Q65 หลังจากรีไฟแนน์หนี้เสร็จในเดือนเม.ย. เราให้เรทติ้ง OUTPERFORM สำหรับ CPAXT ด้วยราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 อ้างอิงวิธี DCF (WACC 7% และอัตราการเติบโตระยะยาว 2.5%) ที่ 42 บาท
กำไรสุทธิ 2Q66 อยู่ที่ 1.5 พันลบ. -4% YoY และ -30% QoQ เป็นไปตามคาด หากไม่รวมขาดทุนพิเศษจำนวน 185 ลบ. จากค่าใช้จ่ายในการชำระหนี้คืนก่อนกำหนดที่ธุรกิจ B2C กำไรปกติ 2Q66 อยู่ที่ 1.5 พันลบ. +8% YoY แต่ -18% QoQ กำไรปกติที่เพิ่มขึ้น YoY เกิดจากดอกเบี้ยจ่ายในงบการเงินรวมที่ลดลง (-13% YoY และ -18% QoQ) จากการรีไฟแนนซ์และปรับโครงสร้างหนี้ (ดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงที่ธุรกิจ B2C มากกว่าดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มขึ้นที่ธุรกิจ B2B) ในขณะที่กำไรปกติที่ลดลง QoQ เกิดจากปัจจัยฤดูกาล เงินปันผลงวด 1H66 อยู่ที่ 0.18 บาท/หุ้น (XD วันที่ 21 ส.ค.)
ธุรกิจ B2B (ธุรกิจค้าส่ง; Makro) ใน 2Q66 กำไรปกติอยู่ที่ 1.1 พันลบ. -20% YoY โดยมีสาเหตุมาจาก: 1) อัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A/ยอดขายที่สูงขึ้น (+30bps YoY) จากค่าใช้จ่ายในปรับปรุงร้านที่สูงขึ้นเพื่อรองรับธุรกิจ O2O และต้นทุนค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้นในอัตราที่เร็วกว่ายอดขาย; 2) ดอกเบี้ยจ่ายที่สูงขึ้น (+85% YoY) จากการโอนหนี้จาก Lotus’s ให้ Makro มากขึ้นที่ 1.68 หมื่นลบ. หลังจากปรับโครงสร้างหนี้ และ -43% QoQ จากปัจจัยฤดูกาล รายได้จากการขายเติบโต 8% YoY โดยได้รับการสนับสนุนจากการขยายสาขาและ SSS ที่เติบโต 6% YoY ทั้งนี้ราคาสินค้าอาหารที่ลดลงส่งผลทำให้ SSS ในกลุ่มสินค้าอาหารสด (41% ของยอดขาย) ปรับตัวลดลง 1.5% YoY บริษัทเปิดร้าน food service สาขาใหม่ 1 สาขา และปิดร้าน food shop 1 สาขา ใน 2Q66 ส่งผลทำให้บริษัทมีสาขารวมทั้งหมด 163 สาขา โดยมีพื้นที่ขายสุทธิ (NSA) อยู่ที่ 0.86 ล้านตร.ม. (+4% YoY และ +1% QoQ) ณ สิ้น 2Q66 อัตรากำไรขั้นต้นลดลง 10bps YoY สู่ 9.8% เนื่องจากมาร์จิ้นของธุรกิจ food service ที่ลดลงจากการแข่งขันด้านราคาเพื่อกระตุ้นยอดขายไปหักล้างมาร์จิ้นจากร้าน Makro ในประเทศไทยที่กว้างขึ้นอันเป็นผลมาจากการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการสินค้าอาหารสด
ธุรกิจ B2C (ธุรกิจค้าปลีก; Lotus’s) ใน 2Q66 กำไรปกติจากธุรกิจ B2C อยู่ที่ 612 ลบ. +182% YoY และ +235% QoQ โดยได้รับการสนับสนุนจากดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลง (-23% QoQ) อันเป็นผลมาจาก: 1) การรีไฟแนนซ์หนี้ เพื่อไม่ให้มีเงินกู้สกุลดอลลาร์สหรัฐต้นทุนสูง; 2) หนี้สินที่ลดลงจากการโอนหนี้ให้ Makro จำนวน 1.68 หมื่นลบ. หลังจากปรับโครงสร้างหนี้ สำหรับธุรกิจค้าปลีก SSS หดตัวลง 0.9% YoY ในประเทศไทย และ 12.2% YoY ในประเทศมาเลเซีย (จากฐานสูงของยอดขายกลุ่มสินค้าอาหารสดในปีก่อน) ทั้งนี้ราคาสินค้าอาหารที่ลดลงส่งผลทำให้ SSS ในกลุ่มสินค้าอาหารสด (25% ของยอดขาย) ปรับตัวลดลง 1.5% YoY และการลดชั่วโมงการให้บริการช่วงกลางคืนสำหรับสาขาขนาดเล็กในประเทศไทยลง 6 ชั่วโมง/วัน เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานตั้งแต่เดือนเม.ย. ส่งผลทำให้ SSS ลดลงอีก 1% YoY บริษัทปิดสาขา 89 สาขา (สุทธิจากจำนวนสาขาที่เปิด) ใน 2Q66 ส่งผลทำให้มีสาขารวมทั้งหมด 2,565 สาขา โดย NSA อยู่ที่ 1.8 ล้านตร.ม. (-1% YoY และ QoQ) ณ สิ้น 2Q66 สำหรับธุรกิจให้เช่า พื้นที่ให้เช่าสุทธิถาวร (NLA) อยู่ที่ 1.07 ล้านตร.ม. (+4% YoY แต่ทรงตัว QoQ) โดยอัตราการเช่าพื้นที่อยู่ที่ 92% ในประเทศไทย และ 93% ในประเทศมาเลเซีย (เทียบกับ 89% และ 91% ใน 2Q65) อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 18.0% (ทรงตัว QoQ) สำหรับธุรกิจค้าปลีก และ 54.6% (+80bps QoQ) จากอัตราการเช่าพื้นที่ที่สูงขึ้นสำหรับธุรกิจให้เช่า อัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A/ยอดขาย เพิ่มขึ้น 40bps YoY สู่ 19.1% จากต้นทุนค่าสาธารณูปโภคที่สูงขึ้น
ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ คือ การเปลี่ยนแปลงในด้านกำลังซื้อและต้นทุนที่สูงขึ้นจากแรงกดดันเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และนโยบายของรัฐบาลใหม่
PDF คลิกอ่านเพิ่มเติม CPAXT230808_T