เราคาดว่า CPF จะพลิกมามีขาดทุนปกติ 1.2 พันลบ. ใน 1Q66 จากกำไรปกติ 752 ลบ. ใน 1Q65 และ กำไรปกติ 1.2 พันลบ. ใน 4Q65 เพราะได้รับผลกระทบจากราคาผลิตภัณฑ์ที่ลดลง รวมถึงต้นทุนอาหารสัตว์และค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ราคาผลิตภัณฑ์ที่ลดลงและต้นทุนอาหารสัตว์ที่สูงขึ้นเป็นเวลานานส่งผลทำให้เราปรับประมาณการกำไรปกติปี 2566 ของ CPF ลดลง 30% เราคาดว่ากำไรปกติ 2Q66 จะลดลง YoY โดยมีสาเหตุมาจากมาร์จิ้นที่แคบลงและค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่สูงขึ้น แต่จะเพิ่มขึ้น QoQ จากปัจจัยฤดูกาล เรายังคงเรทติ้ง NEUTRAL สำหรับ CPF โดยปรับราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 อ้างอิงวิธี SOTP ใหม่เป็น 26 บาท (จาก 28.5 บาท) ซึ่งประกอบด้วย 1 บาทจากธุรกิจของ CPF (12x สำหรับธุรกิจอาหารสัตว์, 10x สำหรับธุรกิจฟาร์ม และ 14x สำหรับธุรกิจอาหาร) และ 25 บาท จากสัดส่วนการถือหุ้นใน CPALL และ MAKRO คาดพลิกขาดทุนสุทธิ 200 ลบ. ใน 1Q66 จากกำไรสุทธิ 2.8 พันลบ. ใน 1Q65 และกำไรสุทธิ 1.8 พันลบ. ใน 4Q65 หากไม่รวมกำไรพิเศษ 1 พันลบ. (กำไรจากการขายเงินลงทุนจำนวน 1.5 พันลบ. ลบด้วยขาดทุนจากการเปลี่ยนแปลงมูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์ชีวภาพซึ่งเป็นผลมาจากราคาสุกรในประเทศไทยและเวียดนามที่ลดลงจำนวน 500 ลบ.) CPF จะพลิกมามีขาดทุนปกติ 1.2 พันลบ. ใน 1Q66 จากกำไรปกติ 752 ลบ. ใน 1Q65 และกำไรปกติ 1.2 พันลบ. ใน 4Q65 เพราะได้รับผลกระทบจาก 1) ราคาสุกรที่ลดลงในประเทศไทย (88 บาท/กก., -7% YoY และ -13% QoQ), เวียดนาม (VND50,400/กก., -5% YoY และ QoQ) และจีน (CNY15/กก., +12% YoY แต่ -36% QoQ); 2) ต้นทุนอาหารสัตว์ที่สูงขึ้น เนื่องจากต้นทุนข้าวโพดในประเทศและกากถั่วเหลืองนำเข้าเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 13.2 บาท/กก. (+15% YoY และ +6% QoQ) และ 23.5 บาท/กก. (+10% YoY และ +2% QoQ); 3) ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่สูงขึ้น (+34% YoY) เราคาดว่าผลการดำเนินงานของธุรกิจในประเทศอื่นๆ จะไม่เปลี่ยนแปลง YoY และ QoQ สถานการณ์ใน 2Q66TD ใน 2Q66TD ราคาสุกรและไก่เนื้อในประเทศอยู่ที่ 86 บาท/กก. (-12% YoY, -2% QoQ) และ 39 บาท/กก. (-4% YoY และ QoQ) ใกล้เคียงกับจุดคุ้มทุนของอุตสาหกรรมที่ 80-90 บาท/กก. และ 39 บาท/กก. ในขณะที่ต้นทุนข้าวโพดในประเทศและกากถั่วเหลืองนำเข้าอยู่ที่ 12.4 บาท/กก. (-5% YoY, -6% QoQ) และ 24 บาท/กก. (+4% YoY, +1% QoQ) CPF ยังคงเก็บสต็อกอาหารสัตว์ไว้ที่ 3-4 เดือน CPF คาดว่าราคาสัตว์บกในประเทศในปี 2566 จะต่ำกว่าปี 2565 โดยมีสาเหตุมาจากอุปทานสุกรที่เพิ่มขึ้น (มีการลักลอบนำเข้าสุกรและเนื้อสุกรผิดกฎหมายเข้ามามากขึ้น น้ำหนักตัวสุกรเพิ่มขึ้นจากประสิทธิภาพการผลิตที่ดีขึ้นของเกษตรกร และอุปทานใหม่เพิ่มขึ้นหลังจากสถานการณ์โรค ASF คลี่คลาย โดยคาดว่าอุปทานสุกรจะเพิ่มขึ้น 16% YoY สู่ 18 ล้านตัวในปี 2566 เทียบกับ 19 ล้านตัวก่อนเกิดการระบาดของโรค ASF ในปี 2564) และต้นทุนอาหารสัตว์จะสูงต่อเนื่องในปี 2566 ใน 2Q66TD ราคาสุกรในเวียดนามและจีนอยู่ที่ VND49,000/กก. (-12% YoY, -3% QoQ) และ CNY14.5/กก. (-6% YoY และ QoQ) เทียบกับจุดคุ้มทุนของอุตสาหกรรมที่ VND46,000/กก. และ CNY16.5/กก. CPF คาดว่าราคาสุกรในต่างประเทศจะปรับตัวดีขึ้น HoH ใน 2H66 เนื่องจากอุปสงค์จะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป สำหรับประเทศอื่นๆ CPF คาดว่าผลขาดทุนจาก Bellesio ในสหรัฐฯ และ Hylife ในแคนาดา จะลดลงในปี 2566 ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับราคา การควบคุมต้นทุน และการจัดการโรคได้ดีขึ้น มุมมองของเราต่อผลประกอบการ 2Q66 ราคาสัตว์บกในประเทศและราคาสุกรในจีนและเวียดนามที่ปรับตัวลดลงท่ามกลางต้นทุนอาหารสัตว์ระดับสูงจะสร้างแรงกดดันต่อมาร์จิ้นของ CPF อย่างต่อเนื่อง ด้วยอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนระดับสูงที่ 1.5 เท่า การมีค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยสูงจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจึงเป็นความกังวลอีกอย่างหนึ่ง โดยจะต้องรอดูแผนลดหนี้ผ่านทางการนำ CTI เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ในช่วงปลายปี 2566 (รอการอนุมัติเข้าจดทะเบียนในปี 2566) และการนำ C.P. Vietnam เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินห์ในปี 2567 (รอการปรับปรุงหลักเกณฑ์ในปี 2566) ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ คือ แรงกดดันเงินเฟ้อต่ออุปสงค์และต้นทุน และอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น
PDF คลิกอ่านเพิ่มเติม CPF07042023 |