เราคาดการณ์กำไรปกติ 1Q66 ของ CRC ที่ 1.85 พันลบ. +68% YoY โดยได้รับการสนับสนุนจากยอดขายปลีกและรายได้จากการให้เช่าที่ดีขึ้น และอัตรากำไรขั้นต้นที่กว้างขึ้น แต่ -31% QoQ จากปัจจัยฤดูกาล ด้วยเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวและนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น เราจึงประเมินว่า SSS ใน 2Q66TD จะเติบโตใกล้เคียงกับ 1Q66 ที่ระดับสูงกว่า 10% YoY เติบโตดีที่สุดในกลุ่มพาณิชย์นับถึงปัจจุบัน เราคาดว่ากำไร 2Q66 จะเติบโต YoY โดยได้แรงหนุนจากยอดขายปลีกและรายได้จากการให้เช่าที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง และมาร์จิ้นที่กว้างขึ้น แต่จะอยู่ในระดับทรงตัว QoQ จากปัจจัยฤดูกาล เรายังคงเรทติ้ง OUTPERFORM สำหรับ CRC ด้วยราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 อ้างอิงวิธี DCF (WACC ที่ 7.1% และอัตราการเติบโตระยะยาวที่ 2.5%) ที่ 52 บาท
คาดกำไรสุทธิ 1Q66 ที่ 1.85 พันลบ. +54% YoY แต่ -44% QoQ หากไม่มีรายการพิเศษ กำไรปกติจะอยู่ที่ 1.85 พันลบ. +68% YoY เนื่องจากยอดขายปลีกและรายได้จากการให้เช่าที่ดีขึ้น และอัตรากำไรขั้นต้นที่กว้างขึ้น จะมากเกินพอชดเชยอัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A/ยอดขายที่สูงขึ้น แต่ -31% QoQ จากปัจจัยฤดูกาล CRC จะประกาศผลประกอบการวันที่ 15 พ.ค.
รายการที่สำคัญใน 1Q66ยอดขายปลีก คาดว่าจะเติบโต 14% YoY จากการฟื้นตัวของ SSS และการขยายสาขา เราคาดว่า SSS (ค่าเฉลี่ยอย่างง่ายจำแนกตามประเภทธุรกิจ) จะเติบโต 12% YoY (เทียบกับ +11% YoY ใน 1Q65 และ +7.7% YoY ใน 4Q65) จากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว นักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น และมาตรการ “ช้อปดีมีคืน” ในประเทศไทยที่สามารถนำค่าซื้อสินค้าหรือบริการจำนวนไม่เกิน 40,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-15 ก.พ. ไปหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ ซึ่งจะช่วยหนุนให้ SSS สำหรับการดำเนินงานในประเทศไทยเติบโตเพิ่มขึ้นได้อีกประมาณ 2-3% เมื่อจำแนกตามประเทศ SSS น่าจะเติบโต 15% YoY ในประเทศไทย 30% YoY ในอิตาลี และทรงตัว YoY ในเวียดนาม เมื่อจำแนกตามกลุ่มธุรกิจ SSS น่าจะเติบโต 30% ในกลุ่มแฟชั่น 7.5% ในกลุ่มฟู้ด และ 1% ในกลุ่มฮาร์ดไลน์ ทั้งนี้กลุ่มฮาร์ดไลน์ได้รับผลกระทบจาก SSS ที่หดตัวลง 20% YoY ของเหงียนคิม (ร้านค้าปลีกเครื่องใช้ไฟฟ้าในเวียดนาม) ซึ่งคิดเป็น 20% ของยอดขายกลุ่มฮาร์ดไลน์ของ CRC จากฐานสูงของปีก่อนหลังจากกลับมาเปิดร้านหลังยกเลิกข้อจำกัดเพื่อควบคุม COVID การหยุดชะงักของยอดขายในปีนี้จากการปรับปรุงร้าน และอุปสงค์ตลาดที่อ่อนแอ ในขณะที่ SSS ของ Power Buy และไทวัสดุในประเทศไทย เติบโตในอัตราเลขตัวเดียวระดับต่ำถึงกลาง YoY รายได้จากการให้เช่า คาดว่าจะเติบโต 30% YoY จากการมีพื้นที่ให้เช่ามากขึ้นในศูนย์การค้าใหม่ และอัตราการเช่าพื้นที่และอัตราค่าเช่าที่ดีขึ้น อัตรากำไรขั้นต้น จะเพิ่มขึ้น 220bps YoY สู่ 27.4% โดยเกิดจากอัตรากำไรขั้นต้นที่กว้างขึ้นในธุรกิจค้าปลีกสู่ 25.5% (+200bps YoY) จากการมีสัดส่วนการขายที่ดีขึ้นเพราะยอดขายกลุ่มแฟชั่นที่ให้มาร์จิ้นสูงเติบโตเพิ่มขึ้นและมาร์จิ้นที่ดีขึ้นจากทุกกลุ่ม และในธุรกิจให้เช่าสู่ 75% (+300bps YoY) จากอัตราการเช่าพื้นที่และอัตราค่าเช่าที่ดีขึ้น ค่าใช้จ่าย SG&A/ยอดขาย จะอยู่ที่ 29.1% +110bps YoY เพราะค่าสาธารณูปโภคและค่าใช้จ่ายในการขยายสาขาเพิ่มขึ้น แต่ -190bps QoQ เนื่องจากค่าใช้จ่ายการตลาดลดลงเพราะไม่มีค่าใช้จ่ายจากการฉลองครบรอบ 75 ปีของ Central เหมือนในไตรมาสก่อนหน้า
แนวโน้ม 2Q66 ใน 2Q66TD เราประเมินได้ว่า SSS จะเติบโตใกล้เคียงกับ 1Q66 ที่ระดับสูงกว่า 10% YoY (เติบโตดีที่สุดในกลุ่มพาณิชย์นับถึงปัจจุบัน) โดยเพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มธุรกิจ SSS คาดว่าจะเติบโต 20-25% YoY ในกลุ่มแฟชั่น และ 2-3% YoY ทั้งในกลุ่มฮาร์ดไลน์และกลุ่มฟู้ด ด้วยยอดขายปลีกและรายได้จากการให้เช่าที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง และมาร์จิ้นที่กว้างขึ้นจากการมีสัดส่วนการขายที่ดีขึ้นเพราะยอดขายกลุ่มแฟชั่นที่ให้มาร์จิ้นสูงเพิ่มขึ้นเนื่องจากเศรษฐกิจฟื้นตัว เราจึงคาดว่ากำไร 2Q66 จะเติบโต YoY แต่จะอยู่ในระดับทรงตัว QoQ จากปัจจัยฤดูกาล
ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ: การเปลี่ยนแปลงในด้านกำลังซื้อและต้นทุนที่สูงขึ้นจากแรงกดดันเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น
PDF คลิกอ่านเพิ่มเติม CRC230502_T