เราคาดการณ์กำไรปกติ 1Q66 ของ GFPT ที่ 275 ลบ. -32% YoY และ -35% QoQ เพราะได้รับผลกระทบจากอัตรากำไรขั้นต้นที่อ่อนแอลงและส่วนแบ่งกำไรจาก GFN ที่ลดลง เหตุผลดังกล่าวประกอบกับราคาผลิตภัณฑ์ที่ลดลงอย่างต่อเนื่องท่ามกลางต้นทุนอาหารสัตว์ที่สูงขึ้นใน 2Q66TD ส่งผลทำให้เราปรับประมาณการกำไรปี 2566 ลดลง 20% เราคาดว่ากำไร 2Q66 จะลดลง YoY โดยเกิดจากมาร์จิ้นที่แคบลง แต่จะเติบโต QoQ จากปัจจัยฤดูกาล คงเรทติ้ง NEUTRAL ด้วยราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 อ้างอิงวิธี SOTP ที่ปรับใหม่เป็น 14 บาท (จาก 15 บาท) อ้างอิง PE 12 เท่าสำหรับธุรกิจอาหารสัตว์ 10 เท่าสำหรับธุรกิจฟาร์ม และ 14 เท่าสำหรับธุรกิจอาหาร
คาดกำไรสุทธิ 1Q66 ที่ 295 ลบ. -35% YoY และ -35% QoQ หากไม่รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 20 ลบ. เราคาดว่ากำไรปกติ 1Q66 จะอยู่ที่ 275 ลบ. -32% YoY และ -35% QoQ เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นที่แคบลงเพราะปริมาณการขายส่งออกที่ให้มาร์จิ้นสูงลดลงและต้นทุนอาหารสัตว์สูงขึ้น และส่วนแบ่งกำไรจาก GFN ที่ลดลง จะไปหักล้างยอดขายที่ดีขึ้น
รายการสำคัญใน 1Q66ยอดขาย คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ 4.4 พันลบ. +9% YoY เนื่องจากธุรกิจฟาร์มที่ปรับตัวดีขึ้นอันเป็นผลมาจากปริมาณการขายไก่มีชีวิตให้กับ GFN และราคาผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น จะช่วยชดเชยธุรกิจอาหารที่อ่อนแอลงอันเป็นผลมาจากปริมาณการขายส่งออกที่ลดลงท่ามกลางธุรกิจอาหารสัตว์ที่ทรงตัว สำหรับธุรกิจอาหาร เราประเมินได้ว่าปริมาณการขายส่งออกโดยตรงลดลงสู่ 7,000 ตัน (-10% YoY, -5% QOQ) หลักๆ เกิดจากปริมาณการขายส่งออกไปยังญี่ปุ่นที่ลดลง ขณะที่ปริมาณการขายส่งออกไปยังประเทศอื่นๆ ทรงตัว และราคาขายส่งออกเพิ่มขึ้น 5% YoY ราคาผลิตภัณฑ์พลอยได้โครงไก่ในประเทศอยู่ที่ 19.5 บาท/กก. ทรงตัว YoY แต่ -7% QoQ อัตรากำไรขั้นต้น คาดว่าจะลดลงสู่ 11.5% (-270bps YoY) เพราะปริมาณการส่งออกที่ให้มาร์จิ้นสูงลดลงและต้นทุนอาหารสัตว์สูงขึ้น GFPT เก็บสต็อกอาหารสัตว์ไว้ 3 เดือน และราคาข้าวโพดในประเทศและราคากากถั่วเหลืองนำเข้า (spot price) เพิ่มขึ้นสู่ 12.5 บาท/กก. (+16% YoY, +3% QoQ) และ 23 บาท/กก. (+4% YoY, +1% QoQ) ใน 4Q65 อัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A/ยอดขาย คาดว่าจะลดลงสู่ 8.9% (-80bps YoY) เพราะค่าใช้จ่าย SG&A เพิ่มขึ้นในอัตราที่ช้ากว่ายอดขาย ส่วนแบ่งกำไร คาดว่าจะอยู่ที่ 120 ลบ. -38% YoY เนื่องจากส่วนแบ่งกำไรที่ลดลงจาก GFN ที่ 10 ลบ. (เทียบกับ 101 ลบ. ใน 1Q65) อันเป็นผลมาจากต้นทุนไก่มีชีวิตที่สูงขึ้นเพราะต้นทุนอาหารสัตว์สูงขึ้นจะหักล้างส่วนแบ่งกำไรที่ดีขึ้นจาก McKey ที่ 110 ลบ. +21% YoY อันเป็นผลมาจากอัตราการใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้นของเครื่องจักรใหม่ที่เริ่มดำเนินงานเชิงพาณิชย์ใน 3Q65
สถานการณ์ใน 2Q66TD ใน 2Q66TD ราคาไก่มีชีวิตและผลิตภัณฑ์พลอยได้โครงไก่ในประเทศอยู่ที่ 40 บาท/กก. (-3% YoY และ -3% QoQ) และ 13.5 บาท/กก. (-43% YoY และ -31% QoQ) เราคาดว่าราคาสุกรในปี 2566 จะได้รับแรงกดดันอย่างต่อเนื่องจากอุปทานสุกรที่เพิ่มขึ้นจากการลักลอกนำเข้าสุกรมีชีวิตและเนื้อสุกรผิดกฎหมายเข้ามามากขึ้น น้ำหนักสุกรต่อตัวที่เพิ่มขึ้นจากประสิทธิภาพการผลิตที่ดีขึ้นของเกษตรกร และอุปทานสุกรใหม่ที่เพิ่มขึ้นหลังจากสถานการณ์โรค ASF คลี่คลาย (คาดว่าอุปทานสุกรจะกลับคืนสู่ภาวะปกติที่ระดับก่อนเกิดการระบาดของโรค ASF ภายในปี 2567) ราคาไก่เนื้อมีแนวโน้มที่จะลดลงตามราคาสุกรเนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ทดแทนโปรตีน แต่จะลดลงในอัตราที่ช้ากว่า เนื่องจากการส่งออกไก่จะเติบโตปานกลาง ต้นทุนอาหารสัตว์ตามจริงมีแนวโน้มที่จะทรงตัวอยู่ในระดับสูง เพราะผลกระทบจาก lag time เนื่องจากใน 1Q66 ราคาข้าวโพดในประเทศและราคากากถั่วเหลืองนำเข้า (spot price) เพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 13.2 บาท/กก. (+15% YoY, +5% QoQ) และ 23.5 บาท/กก. (+10% YoY, +2% QoQ) ด้วยราคาผลิตภัณฑ์ที่ลดลงและต้นทุนอาหารสัตว์ที่สูงขึ้นใน 2Q66TD เราจึงคาดว่ามาร์จิ้นใน 2Q66 จะแคบลง YoY
ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ: แรงกดดันเงินเฟ้อต่ออุปสงค์และต้นทุน และราคาสุกรในประเทศ (ผลิตภัณฑ์ทดแทน) ที่ลดลง
PDF คลิกอ่านเพิ่มเติม GFPT230420_T (1)