กำไรสุทธิ 2Q66 ออกมาต่ำกว่าตลาดคาด โดยอยู่ที่ 703 ลบ. -32% YoY และ -20% QoQ โดยเกิดจากยอดขายและค่าใช้จ่าย SG&A ที่อ่อนแอลง เราปรับประมาณการกำไรปี 2566 ลดลง 14% เพื่อสะท้อน SSS ที่อ่อนแอ ทั้งนี้ใน 3Q66TD SSS หดตัวลงในอัตราเลขตัวเดียวระดับสูง YoY หลักๆ เกิดจากปริมาณการขายที่อ่อนตัวลง และส่วนหนึ่งเกิดจากราคาเหล็กที่ลดลง YoY เราคาดว่ากำไร 3Q66 จะเป็นจุดต่ำสุดของปีนี้ โดยจะลดลง YoY จากยอดขายและมาร์จิ้นที่ลดลง และ QoQ จากปัจจัยฤดูกาล เรายังคงเรทติ้ง NEUTRAL สำหรับ GLOBAL ด้วยราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 อ้างอิงวิธี DCF (WACC ที่ 7% และอัตราการเติบโตระยะยาวที่ 2.5%) ที่ปรับใหม่เป็น 18.5 บาท (จาก 20 บาท)
กำไรสุทธิ 2Q66 อยู่ที่ 703 ลบ. -32% YoY และ -20% QoQ ต่ำกว่าตลาดคาด 14% เพราะยอดขายอ่อนแอกว่าคาดและค่าใช้จ่าย SG&A สูงกว่าคาด กำไรสุทธิที่ลดลง YoY เกิดจากยอดขายที่ลดลง อัตรากำไรขั้นต้นที่อ่อนแอลง และอัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A/ยอดขายที่สูงขึ้น และกำไรสุทธิที่ลดลง QoQ เกิดจากปัจจัยฤดูกาล
รายได้ 2Q66 รายได้ลดลง 8% YoY สู่ 8.5 พันลบ. โดยใน 2Q66 SSS หดตัวลง 9.5% YoY (เทียบกับ +15% YoY ใน 2Q65 และ -8.7% YoY ใน 1Q66) หลักๆ เกิดจาก 1) ราคาขายสินค้าเหล็กที่ลดลง (ยอดขายสินค้าเหล็กคิดเป็น 15% ของยอดขายรวม); 2) ปริมาณการขายวัสดุก่อสร้างที่ลดลง (ยอดขายวัสดุก่อสร้างทั้งหมดรวมถึงสินค้าเหล็ก คิดเป็น 30% ของยอดขายรวม) ในอัตราเลขตัวเดียวระดับกลาง YoY จากกิจกรรมการก่อสร้างที่ซบเซา; 3) ปริมาณการขายสินค้าที่ไม่ใช่วัสดุก่อสร้างที่ลดลงในอัตราเลขตัวเดียวระดับต่ำ YoY จากกำลังซื้อที่ชะลอตัวในต่างจังหวัด กระทรวงพาณิชย์รายงานว่า ใน 2Q66 ราคาสินค้าเหล็กในประเทศที่ใช้ราคาเหล็กเส้นในประเทศเป็นตัวอ้างอิง (30-40% ของยอดขายเหล็กของ GLOBAL) ลดลง 20% YoY และ 5% QoQ และใช้ราคาเหล็กตัวซีในประเทศเป็นตัวอ้างอิงสำหรับสินค้าเหล็กโครงสร้าง (60-70% ของยอดขายเหล็ก) ลดลง 23% YoY และ 4% QoQ ทั้งนี้ใน 2Q66 GLOBAL เปิดสาขาใหม่ 1 สาขา ส่งผลทำให้บริษัทมีสาขารวมทั้งสิ้น 80 สาขา (+4% YoY แต่ทรงตัว QoQ) ณ สิ้น 2Q66
รายการอื่นๆ ใน 2Q66อัตรากำไรขั้นต้น อยู่ที่ 25.4% -110bps YoY เพราะได้รับผลกระทบจากมาร์จิ้นสินค้าเหล็กที่ลดลงตามราคาเหล็กที่ลดลง ซึ่งไปหักล้างการปรับขึ้นราคาสินค้า private brand ที่ให้มาร์จิ้นสูงบางส่วนในเดือนมี.ค. 2566 (ยอดขายสินค้า private brand ต่อยอดขายรวมอยู่ที่ระดับเกือบ 24% ใน 2Q66 ทรงตัว YoY และ QoQ) อัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A/ยอดขาย เพิ่มขึ้นก้าวกระโดด 250bps YoY สู่ 16.7% เนื่องจากค่าใช้จ่าย SG&A เพิ่มขึ้น (+8% YoY) หลักๆ เกิดจากต้นทุนค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้น ค่าใช้จ่ายในการขายสาขาที่เพิ่มขึ้น และค่าใช้จ่ายการตลาดที่สูงขึ้นจากการเปิดตัวบัตรเครดิตและบัตรเงินสด “ttb Global House” ในช่วงกลางปี 2566 ท่ามกลางยอดขายที่อ่อนตัวลง ส่วนแบ่งกำไร อยู่ที่ 21 ลบ. -25% YoY โดยเกิดจากส่วนแบ่งกำไรที่ลดลงจากเมียนมาและลาวเพราะได้รับผลกระทบด้านลบจากการแปลงสกุลเงิน
ปรับประมาณการกำไร และแนวโน้ม เราปรับประมาณการกำไรปี 2566 ของ GLOBAL ลดลง 14% เนื่องจากเราปรับสมมติฐาน SSS growth ลดลงสู่ -6% YoY จากก่อนหน้านี้ที่ -2% YoY ใน 3Q66TD SSS หดตัวลงในอัตราเลขตัวเดียวระดับสูง YoY (อ่อนแอที่สุดในกลุ่มพาณิชย์นับถึงปัจจุบัน) หลักๆ เกิดจากปริมาณการขายที่ลดลง และส่วนหนึ่งเกิดจากราคาเหล็กที่อ่อนแอลง YoY ทั้งนี้แม้ว่าผลกระทบด้านลบจากราคาเหล็กที่ลดลง YoY ใน 2H66 จะลดลงจาก 1H66 แต่รายได้เกษตรกรพลิกกลับมาลดลง YoY ในเดือนพ.ค.-มิ.ย. ดังนั้นเราจะต้องจับตาดูผลกระทบต่อกำลังซื้อในต่างจังหวัดต่อไป เราคาดว่ากำไร 3Q66 จะเป็นจุดต่ำสุดของปีนี้ โดยจะลดลง YoY จากยอดขายและมาร์จิ้นที่ลดลง และ QoQ จากปัจจัยฤดูกาล
ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ คือ การเปลี่ยนแปลงในกำลังซื้อและต้นทุนที่สูงขึ้นจากแรงกดดันเงินเฟ้อ การเปลี่ยนแปลงของราคาเหล็กและรายได้เกษตรกร
PDF คลิกอ่านเพิ่มเติม GLobal 02082023