GLOBAL รายงานกำไรสุทธิ 4Q65 จำนวน 527 ลบ. -29% YoY และ -32% QoQ ต่ำกว่าคาด เพราะมีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียว และยอดขายและมาร์จิ้นอ่อนแอกว่าคาด ดังนั้นเราจึงปรับประมาณการกำไรปี 2566 ลดลง 7% ด้วย SSS ที่หดตัวลงในอัตราเลขตัวเดียวระดับสูง YoY ใน 1Q66TD ฐานสูงของราคาเหล็กใน 1H65 และสมมติฐานของเราที่คาดว่าราคาเหล็กจะลดลง YoY ในปี 2566 เราจึงคาดว่ากำไรจะลดลง YoY อย่างน้อยใน 1H66 เรายังคงเรทติ้ง NEUTRAL สำหรับ GLOBAL ด้วยราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 อ้างอิงวิธี DCF ที่ปรับใหม่เป็น 23 บาท (จาก 24 บาท); ราคาเป้าหมายของเราจะปรับเป็น 22 บาท หลังขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 24 ก.พ. เมื่อเรารวมหุ้นปันผลเข้ามา
GLOBAL รายงานกำไรสุทธิ 4Q65 จำนวน 527 ลบ. -29% YoY และ -32% QoQ ต่ำกว่าคาด เพราะมีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียว และยอดขายและมาร์จิ้นอ่อนแอกว่าคาด ดังนั้นเราจึงปรับประมาณการกำไรปี 2566 ลดลง 7% ด้วย SSS ที่หดตัวลงในอัตราเลขตัวเดียวระดับสูง YoY ใน 1Q66TD ฐานสูงของราคาเหล็กใน 1H65 และสมมติฐานของเราที่คาดว่าราคาเหล็กจะลดลง YoY ในปี 2566 เราจึงคาดว่ากำไรจะลดลง YoY อย่างน้อยใน 1H66 เรายังคงเรทติ้ง NEUTRAL สำหรับ GLOBAL ด้วยราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 อ้างอิงวิธี DCF ที่ปรับใหม่เป็น 23 บาท (จาก 24 บาท); ราคาเป้าหมายของเราจะปรับเป็น 22 บาท หลังขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 24 ก.พ. เมื่อเรารวมหุ้นปันผลเข้ามา
กำไรสุทธิ 4Q65 อยู่ที่ 527 ลบ. -29% YoY และ -32% QoQ ต่ำกว่าตลาดคาดอยู่ 30% โดยเกิดจาก: 1) ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียว (หลังภาษี) จากการตั้งค่าเผื่อสินค้าล้าสมัยจำนวน 137 ลบ. (ค่าตัดจำหน่าย 46 ลบ. และการตั้งสำรองจากการปรับนโยบายบัญชีเกี่ยวกับสินค้าคงคลังจำนวน 91 ลบ.) และ 2) ยอดขายและมาร์จิ้นที่อ่อนแอกว่าคาด กำไรปกติ 4Q65 อยู่ที่ 665 ลบ. -11% YoY และ -14% QoQ เพราะได้รับผลกระทบจาก SSS และมาร์จิ้นที่อ่อนแอ GLOBAL ประกาศจ่ายปันผลเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.255 บาท และจ่ายปันผลเป็นหุ้นสามัญในอัตรา 24 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นปันผล (XD วันที่ 24 ก.พ.)
รายได้ใน 4Q65 รายได้อยู่ในระดับทรงตัว YoY โดยใน 4Q65 SSS หดตัวลง 2.2% YoY (เทียบกับ +15% YoY ใน 4Q64 และ +4% YoY ใน 3Q65) หลักๆ เกิดจากปริมาณการขายและราคาขายสินค้าเหล็กที่ลดลง (ปริมาณการขายเหล็กคิดเป็นสัดส่วน 15% ของยอดขายรวมใน 4Q65 เทียบกับ 20% ในปี 2564) และยอดขายสินค้าวัสดุก่อสร้างอื่นๆ ที่ลดลงเล็กน้อย YoY กระทรวงพาณิชย์รายงานว่า ใน 4Q65 ราคาสินค้าเหล็กในประเทศที่ใช้ราคาเหล็กเส้นในประเทศเป็นตัวอ้างอิง (30-40% ของยอดขายเหล็กของ GLOBAL) ลดลง 7% YoY และ 1% QoQ และใช้ราคาเหล็กตัวซีในประเทศเป็นตัวอ้างอิงสำหรับสินค้าเหล็กโครงสร้าง (60-70% ของยอดขายเหล็กของ GLOBAL) ลดลง 18% YoY และ 7% QoQ ทั้งนี้ใน 4Q65 GLOBAL ไม่ได้เปิดสาขาใหม่ ส่งผลทำให้บริษัทมีสาขารวมทั้งสิ้น 78 สาขา (+3% YoY แต่ทรงตัว QoQ) ณ สิ้น 4Q65
มาร์จิ้นใน 4Q65 อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 24.8% -70bps YoY เพราะได้รับผลกระทบจากมาร์จิ้นสินค้าเหล็กที่ลดลงตามราคาเหล็กที่ลดลง ซึ่งไปหักล้างการมีสัดส่วนยอดขายสินค้ากลุ่ม private brand ที่ให้มาร์จิ้นสูงต่อยอดขายรวมเพิ่มขึ้นสู่ 24.7% (เทียบกับ 22.5% ใน 4Q64 และ 23.5% ใน 3Q65) EBIT margin อยู่ที่ 10.3% -110bps YoY โดยเกิดจาดอัตรากำไรขั้นต้นที่อ่อนแอลง และอัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A/ยอดขายที่สูงขึ้น (+140bps YoY) จากการมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการขยายสาขาเพิ่มขึ้น
แนวโน้มกำไร ใน 1Q66TD SSS หดตัวลงในอัตราเลขตัวเดียวระดับสูง YoY (อ่อนแอที่สุดในกลุ่มพาณิชย์นับถึงปัจจุบัน) โดยส่วนหนึ่งเกิดจากฐานสูงของราคาและปริมาณการขายเหล็กในปีก่อน เมื่ออิงกับข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์พบว่า ในเดือนม.ค. ราคาเหล็กเส้นในประเทศลดลง 3% YoY แต่ทรงตัว MoM ในขณะที่ราคาเหล็กตัวซีในประเทศลดลง 17% YoY แต่ทรงตัว MoM ด้วยฐานสูงของราคาเหล็กใน 1H65 และสมมติฐานของเราที่คาดว่าราคาเหล็กจะลดลง YoY ในปี 2566 เราจึงคาดว่ากำไรของ GLOBAL จะลดลง YoY อย่างน้อยใน 1H66
ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ คือ การเปลี่ยนแปลงในด้านกำลังซื้อและต้นทุนที่สูงขึ้นจากแรงกดดันเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของราคาเหล็ก