Keyword
Company Update

บทวิเคราะห์รายบริษัท : HMPRO

23 Feb 23 9:00 AM
HMPRO-20240911205501

กำไรสุทธิ 4Q65 อยู่ที่ 1.65 พันลบ. -7% YoY แต่ +8% QoQ เป็นไปตาม consensus คาด แต่ต่ำกว่าที่เราคาดการณ์ไว้อยู่ 8% โดยมีสาเหตุมาจากมาร์จิ้นที่อ่อนแอ ใน 1Q66TD SSS เติบโตในอัตราเลขตัวเดียวระดับต่ำ YoY โดยส่วนหนึ่งได้รับการสนับสนุนจากโครงการช้อปดีมีคืน เราคาดว่ากำไร 1Q66 จะเติบโต YoY โดยได้รับการสนับสนุนจาก SSS ที่เติบโตดีขึ้น มาร์จิ้นที่กว้างขึ้นจากการมีส่วนผสมการขายที่ดีขึ้น และรายได้ค่าเช่าที่สูงขึ้น แต่จะลดลง QoQ จากปัจจัยฤดูกาล เรายังคงเรทติ้ง OUTPERFORM สำหรับ HMPRO ด้วยราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 อ้างอิงวิธี DCF ที่ 17 บาท

กำไรสุทธิ 4Q65 อยู่ที่ 1.65 พันลบ. -7% YoY แต่ +8% QoQ เป็นไปตาม consensus คาด แต่ต่ำกว่าที่เราคาดการณ์ไว้อยู่ 8% โดยมีสาเหตุมาจากอัตรากำไรขั้นต้นที่อ่อนแอ กำไรที่ลดลง YoY มีสาเหตุมาจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงและอัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A/ยอดขายที่สูงขึ้น ซึ่งไปหักล้างยอดขายและรายได้ค่าเช่าและรายได้อื่นที่สูงขึ้น ในขณะที่กำไรที่เพิ่มขึ้น QoQ เกิดจากปัจจัยฤดูกาล ทั้งนี้หลังจากจ่ายเงินปันผลงวด 1H65 ในอัตรา 0.17 บาท/หุ้น HMPRO ก็ประกาศจ่ายเงินปันผลงวด 2H65 ในอัตรา 0.21 บาท/หุ้น (XD วันที่ 19 เม.ย.)

รายการที่สำคัญใน 4Q65รายได้ เติบโต 6% YoY สู่ 1.7 หมื่นลบ. ซึ่งเป็นผลมาจาก SSS ที่ฟื้นตัวและการขยายสาขา เราประเมินได้ว่า SSS ที่ร้านโฮมโปรเติบโต 2.9% YoY (เทียบกับ -11% YoY ใน 4Q64 และ +17.8% YoY ใน 3Q65) โดยเกิดจากการฟื้นตัวของการบริโภคในประเทศและการท่องเที่ยว โดยเฉพาะพื้นที่ภาคใต้ และกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ อาทิ การจัดกิจกรรม Homepro Expo ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี ในวันที่ 16-25 ธ.ค. การจัดกิจกรรม HomePro Living Expo ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ในวันที่ 13-23 ต.ค. และการจัดกิจกรรม HomePro Super Expo ที่โฮมโปรทุกสาขาทั่วประเทศและช่องทางออนไลน์ ในวันที่ 2-6 ธ.ค. ทั้งนี้ใน 4Q65 HMPRO ได้เปิดสาขาเมกาโฮม 2 สาขา ไนสุราษฎร์ธานี และขอนแก่น และเปิดสาขาโฮมโปร 1 สาขา ในลาดกระบัง แต่ปิดสาขาโฮมโปรเอส 1 สาขา ในพาซิโอ ลาดกระบัง โดยเป็นการย้ายสถานที่จากสาขาเดิมมาเปิดในบริเวณใกล้เคียงที่มีพื้นที่ใหญ่ขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกสบายต่อลูกค้ามากขึ้น ส่งผลทำให้บริษัทมีสาขารวมทั้งหมด 117 สาขา ณ สิ้น 4Q65 (+3% YoY และ +2% QoQ) ซึ่งประกอบด้วยโฮมโปร 87 สาขา โฮมโปรเอส 5 สาขา เมกาโฮม 18 สาขา และโฮมโปรในประเทศมาเลเซีย 7 สาขา อัตรากำไรขั้นต้น แคบลง 100 bps YoY สู่ 26.1% โดยเป็นผลจากการให้ส่วนลดเพิ่มขึ้นจากกิจกรรมส่งเสริมการขาย ซึ่งไปหักล้างส่วนผสมการขายที่ดีขึ้นจากการมีสัดส่วนยอดขายสินค้า private brand ที่ให้มาร์จิ้นสูงต่อยอดขายรวมเพิ่มขึ้นเป็น 20.8% ในปี 2565 (เทียบกับ 19.5% ในปี 2564) อัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A/ยอดขาย เพิ่มขึ้น 50bps YoY สู่ 20.4% โดยเกิดจากค่าใช้จ่ายในการเตรียมการเปิดสาขาใหม่ 3 สาขาใน 4Q65 รวมถึงต้นทุนค่าไฟฟ้าและค่าพลังงานที่สูงขึ้น รายได้ค่าเช่าและรายได้อื่น เติบโต 16% YoY สู่ 1.4 พันลบ. รายได้ค่าเช่าและบริการเติบโต 22% YoY สู่ 464 ลบ. เป็นผลมาจากรายได้ค่าเช่าที่เพิ่มขึ้นจากพื้นที่ให้เช่าในส่วนของสาขาโฮมโปรและศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจเมื่อเทียบกับฐานต่ำของปีก่อน (เป็นช่วงที่บริษัทได้ปรับลดค่าเช่าให้กับผู้เช่าเพื่อบรรเทาผลกระทบจาก COVID-19) รายได้อื่นเพิ่มขึ้น 12% YoY สู่ 889 ลบ. โดยเป็นผลมาจากการเพิ่มจำนวนการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกับคู่ค้า ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย เติบโต 30% YoY สู่ 130 ลบ. จากการออกหุ้นกู้ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นเพื่อรีไฟแนนซ์หนี้

ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ คือ การเปลี่ยนแปลงในด้านกำลังซื้อและต้นทุนที่สูงขึ้นจากแรงกดดันเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5