เราคาดว่าผลประกอบการปี 2566 ของ IRPC (ประกาศ 13 ก.พ.) จะยังคงมีขาดทุน 2.7 พันลบ. ซึ่งบ่งชี้ว่าบริษัทจะมีขาดทุนสุทธิ 3.2 พันลบ. ใน 4Q66 สะท้อนถึงมาร์จิ้นที่อ่อนแอทั้งในธุรกิจปิโตรเลียมและธุรกิจปิโตรเคมี และขาดทุนสต๊อกซึ่งเป็นผลมาจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงแรง อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวยังดีกว่าขาดทุน 7.1 พันลบ. ใน 4Q65 ค่อนข้างมาก ทั้งนี้แม้เราคาดว่าผลประกอบการจะฟื้นตัวในปี 2567 แต่เรายังมองไม่เห็นปัจจัยที่จะกระตุ้นให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นได้อย่างแข็งแกร่ง เรายังคงเรทติ้ง NEUTRAL สำหรับ IRPC เนื่องจากราคาหุ้นปรับตัวลดลงมาแล้วเกือบ 40% ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา และเทรดที่ PBV (ปี 2567) เพียง 0.5 เท่า หรือเท่ากับระดับ -2.7SD ของ PBV เฉลี่ย 5 ปี เราปรับราคาเป้าหมายลดลงจาก 3 บาท สู่ 2.6 บาท โดยอิงกับ PBV (ปี 2567) ที่ 0.7 เท่า หรือคิดเป็น EV/EBITDA ที่ 8.9 เท่า ตลาดที่ซบเซาเป็นปัจจัยที่คอยจำกัดปริมาณน้ำมันดิบนำเข้ากลั่น เราคาดว่าตลาดปิโตรเคมีที่ไม่เอื้ออำนวยจะเป็นปัจจัยที่ทำให้ IRPC คงปริมาณน้ำมันดิบนำเข้ากลั่นไว้ในช่วง 190kbd± (อัตราการใช้กำลังการผลิต 88%) ใน 4Q66 ซึ่งหมายความว่า IRPC ต้องลดวัตถุดิบปิโตรเคมีให้เหลือน้อยที่สุดเมื่อพิจารณาจากผลกระทบจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่อ่อนแอ ในขณะที่ปรับผลผลิตน้ำมันสำเร็จรูปที่มีมาร์จิ้นดีกว่าให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เราคาดว่า IRPC จะลดอัตราการใช้กำลังการผลิตของหน่วย RDCC ลงอีกจาก 101% ใน 3Q66 สู่ 95-97% ใน 4Q66 เพื่อลดปริมาณผลผลิตโพรพิลีนและ PP ให้เหลือน้อยที่สุด market GIM ได้รับแรงกดดันจาก market GRM และส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี เราคาดว่า market GIM ของ IRPC จะปรับตัวลดลง 15% YoY และ 38% QoQ สู่ US$5.5/bbl ใน 4Q66 ซึ่งเป็นผลมาจาก market GRM ที่ลดลงและส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่อ่อนแอ ในขณะที่ GIM จากธุรกิจสาธารณูปโภคน่าจะยังทรงตัวอยู่ที่ US$1/bbl± GIM จากกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมน่าจะได้แรงหนุนจากธุรกิจน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐาน เนื่องจากมาร์จิ้นของน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานสูงกว่าน้ำมันเตา แนวโน้มเช่นนี้น่าจะช่วยสนับสนุน GRM โดยรวม crack spread ของผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปอ่อนแอลง QoQ เราคาดว่าขาดทุนสต๊อกที่ 1.9 พันลบ. จะทำให้ผลประกอบการปรับตัวแย่ลงใน 4Q66 เนื่องจากราคาน้ำมันปรับตัวลดลงเพราะอุปทานน้ำมันในตลาดสูงขึ้น ตัวเลขดังกล่าวไม่สามารถครอบคลุมต้นทุนต่อหน่วยที่ประเมินได้ที่ US$9.6/bbl ซึ่งยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่คอยฉุดรั้งผลประกอบการของบริษัท กำไร 1Q67 จะปรับตัวดีขึ้น QoQ เพราะ GRM ดีขึ้น เราคาดว่ากำไรปกติจะปรับตัวดีขึ้น QoQ ใน 1Q67 จากการฟื้นตัวของ GRM (+32% QTD สู่ US$7.24/bbl) โดยได้แรงหนุนจาก crack spread ที่สูงขึ้นของน้ำมันเบนซินและน้ำมันเตา ซึ่งจะถูกลดทอนโดยส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่อ่อนแอ หลักๆ คือ PP (56% ของกำลังการผลิตปิโตรเคมีขั้นปลาย) ส่วนต่างราคา PP-แนฟทา QTD ปรับตัวดีขึ้น 4% QoQ แต่ยังอยู่ในระดับต่ำเพียง US$300/ตัน เทียบกับค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ US$470/ตัน ขณะที่ส่วนต่างราคา ABS และ PS ปรับตัวลดลง 8% และ 18% QoQ ตามลำดับ ปรับประมาณการกำไรปี 2567 ลดลง เราปรับประมาณการกำไรปี 2567 ลดลงจาก 5.5 พันลบ. สู่ 1.9 พันลบ. เพื่อสะท้อนแนวโน้มตลาดปิโตรเคมีที่อ่อนแอ และต้นทุนการดำเนินงานระดับสูงของ IRPC ซึ่งบ่งชี้ถึงผลประกอบการที่ฟื้นตัวดีขึ้นหลังจากมีขาดทุนสุทธิติดต่อกัน 2 ปี อีกทั้งจะไม่มีขาดทุน สต๊อกเหมือนปี 2566 ซึ่งประเมินได้ที่ 3 พันลบ.ด้วย ปรับราคาเป้าหมายลดลงสู่ 2.6 บาท อ้างอิง PBV 0.7 เท่า; คงเรทติ้ง NEUTRAL เรายังคงเรทติ้ง NEUTRAL สำหรับ IRPC เนื่องจากราคาหุ้นปรับตัวลดลงมาแล้ว 33% ในปี 2566 และ 5% YTD underperform SET แนวโน้มที่ไม่แน่นอนของธุรกิจปิโตรเคมีจะเป็นปัจจัยสำคัญที่คอยฉุดรั้งผลประกอบการและราคาหุ้น แต่แนวโน้มที่ดีขึ้นของค่าการกลั่นจะช่วยสนับสนุนกำไรปี 2567 ทั้งนี้ที่ราคาเป้าหมาย 2.6 บาท หุ้น IRPC จะเทรดที่ EV/EBITDA ระดับ 8.9 เท่า ปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อประมาณการและ valuation คือ ความผันผวนของราคาน้ำมัน (จะทำให้เกิดขาดทุนสต๊อก) และ GRM และส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่ลดลง ปัจจัยเสี่ยงด้าน ESG ที่สำคัญ คือ ผลกระทบของธุรกิจต่อสิ่งแวดล้อม และการปรับตัวในช่วงเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด | |||
ท่านสามารถอ่านและดาวน์โหลดเอกสารได้จาก IRPC240124_T
|