กำไรสุทธิ 2Q66 ของ KBANK ออกมาสูงกว่าคาดเล็กน้อย โดยมีสาเหตุมาจากกำไรจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยวิธี FVTPL ผลประกอบการสะท้อนถึง NPL ไหลเข้าที่เพิ่มขึ้น พร้อมกับ credit cost ในระดับทรงตัว QoQ สินเชื่อที่หดตัวลง NIM ที่ดีขึ้น รายได้ค่าธรรมเนียมที่ลดลง และอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ที่เพิ่มขึ้น QoQ ในการประชุมนักวิเคราะห์ KBANK กล่าวถึงความล่าช้าในการกลับมาตั้ง ECL ตามปกติและการเคลียร์งบดุลให้แล้วเสร็จ เราให้เรทติ้ง NEUTRAL สำหรับ KBANK ด้วยราคาเป้าหมายที่ลดลงจาก 146 บาท สู่ 143 บาท
2Q66: กำไรสุทธิสูงกว่า INVX คาดเล็กน้อย แต่เป็นไปตาม consensus คาด กำไรสุทธิ 2Q66 อยู่ที่ 1.099 หมื่นลบ. (+2% QoQ, +2% YoY) สูงกว่า INVX คาด 8% แต่เป็นไปตาม consensus คาด กำไรสุทธิที่สูงกว่าคาดหลักๆ เกิดจากกำไรจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยวิธี FVTPL
รายการสำคัญ
แนวโน้มกำไร 2H66: ลดลง HoH และ NIM มี upside กำไร 1H66 คิดเป็น 55% ของประมาณการกำไรเต็มปีของเรา (+10%) เราคาดว่ากำไร 3Q66 จะลดลงเล็กน้อย QoQ (ตั้งสำรองเพิ่มขึ้นและกำไรจากเครื่องมือทางการเงินลดลง) และทรงตัว YoY เราคาดว่ากำไร 2H66 จะลดลง HoH จาก ECL ระดับสูงและ opex ที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาล เราเล็งเห็น upside ต่อ NIM จากแนวโน้มที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะปรับขึ้นสู่ 2.5%
คงเรทติ้ง NEUTRAL ด้วยราคาเป้าหมายที่ลดลง เราคงเรทติ้ง NEUTRAL สำหรับ KBANK ด้วยราคาเป้าหมายที่ลดลงจาก 146 บาท สู่ 143 บาท (PBV ปี 2567 ที่ 0.6 เท่า) เนื่องจากเราปรับ PBV เป้าหมายลดลงจาก 0.65 เท่า สู่ 0.6 เท่า เพื่อสะท้อนความล่าช้าในการกลับมาตั้ง ECL ตามปกติและการเคลียร์งบดุล
ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ: 1) ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์จากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และ 2) การขยายสินเชื่อได้ช้ากว่าคาดเนื่องจากความต้องการสินเชื่อชะลอตัวและการแข่งขันสูง และ 3) non-NII ได้รับแรงกดดันจากตลาดทุนที่ผันผวนและกฎระเบียบที่มีแนวโน้มเข้มงวดมากขึ้น
PDF คลิกอ่านเพิ่มเติม KBANK230724_T