ในการประชุมนักวิเคราะห์ KKP ได้เปิดเผยเป้าหมายปี 2567 ที่ส่งสัญญาณเชิงลบมากกว่าคาด โดยสะท้อนถึง NPL ที่สูงขึ้นจากสินเชื่อธุรกิจรายใหญ่และสินเชื่อเช่าซื้อ credit cost ที่ลดลง การเติบโตของสินเชื่อที่ชะลอตัว และส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่แคบลง ดังนั้นเราจึงปรับประมาณการกำไรปี 2567 ลดลง 10% หลักๆ เกิดจากการปรับประมาณการ credit cost การเติบโตของสินเชื่อ และ NIM โดยปัจจุบันเราคาดว่ากำไรปี 2567 จะปรับตัวลดลง 12% เรายังคงเรทติ้ง NEUTRAL สำหรับ KKP แต่ปรับราคาเป้าหมายลดลงจาก 46 บาท สู่ 45 บาท ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์สูงกว่าคาด KKP คาดว่าอัตราส่วน NPL จะเพิ่มขึ้นจาก 3.2% (ตามการคำนวณของ KKP) ในปี 2566 สู่ 3.5-3.7% ในปี 2567 โดยนอกเหนือจากสินเชื่อเช่าซื้อแล้ว คุณภาพสินทรัพย์ยังมีความเสี่ยงจากสินเชื่อธุรกิจรายใหญ่มูลค่าราว 2 พันลบ. จากลูกค้ารายหนึ่งในภาคบริการที่จำเป็นต้องปรับโครงสร้างหนี้และอาจถูกจัดชั้นเป็น NPL แต่ KKP ได้มีการตั้งสำรองเสมือนเป็น NPL ไว้แล้วราว 1 พันลบ. สำหรับสินเชื่อเช่าซื้อ KKP คาดว่าความน่าจะเป็นที่ลูกหนี้จะผิดนัดชาระหนี้ (PD) จะลดลงหลังจากธนาคารใช้นโยบายปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดมากขึ้น แต่ยังมีความเสี่ยงจากความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นเมื่อลูกหนี้ผิดนัดชําระหนี้ (LGD) จากราคารถมือสองที่ลดลง KKP ตั้งเป้า credit cost (รวมขาดทุนจากการขายรถยึด) ที่ 2.5-2.7% ในปี 2567 เทียบกับ 2.8% (3% ตามการคำนวณ KKP) ในปี 2566 เราปรับประมาณการ credit cost ปี 2567 เพิ่มขึ้น 10 bps สู่ 2.6% เพื่อสะท้อนความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ที่สูงกว่าคาดจากสินเชื่อธุรกิจรายใหญ่ การเติบโตของสินเชื่อชะลอตัว KKP ตั้งเป้าการเติบโตของสินเชื่อที่ 3% ในปี 2567 ชะลอตัวลงจาก 5% ในปี 2566 และต่ำกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ เราปรับประมาณการการเติบโตของสินเชื่อปี 2567 ลดลงจาก 5% สู่ 3% เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายของธนาคาร KKP จะใช้ความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น โดยจะเน้นไปที่สินเชื่อที่มีความเสี่ยงต่ำ NIM มีแนวโน้มลดลง KKP ตั้งเป้าส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่ 5% ในปี 2567 แคบลงจาก 5.2% ในปี 2566 โดยมีสาเหตุมาจากต้นทุนทางการเงินที่ปรับขึ้น 20-30 bps ซึ่งแย่กว่าคาด นอกจากนี้เรายังคาดว่าผลตอบแทนจากการให้สินเชื่อจะลดลงในปี 2567 โดยมีสาเหตุมาจากรายได้ที่ลดลงจากสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (สูงผิดปกติในปี 2566) เราปรับประมาณการ NIM ลดลง 6 bps โดยคาดว่า NIM จะหดตัวลง 31 bps ในปี 2567 ปรับประมาณการกำไรลดลง เราปรับประมาณการกำไรปี 2567 ลดลง 10% หลักๆ เกิดจากการปรับประมาณการ credit cost การเติบโตของสินเชื่อ และ NIM โดยปัจจุบันเราคาดว่ากำไรปี 2567 จะลดลง 12% ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตของสินเชื่อที่ชะลอตัวลง NIM ที่ลดลง credit cost ที่ลดลง non-NII ที่ฟื้นตัวเล็กน้อย อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ที่สูงขึ้น และไม่มีการกลับรายการสำรองสำหรับการตีราคาสินทรัพย์รอการขายใหม่ซึ่งเป็นรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียวเหมือนในปีก่อน คงเรทติ้ง NEUTRAL แต่ปรับราคาเป้าหมายลดลง เรายังคงเรทติ้ง NEUTRAL สำหรับ KKP แต่ปรับราคาเป้าหมายลดลงจาก 46 บาท สู่ 45 บาท (PBV ปี 2567 ที่ 0.6 เท่า) ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ: 1) ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์จากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวไม่ทั่วถึงและเศรษฐกิจโลกชะลอตัว 2) ราคารถมือสองลดลง และ 3) ตลาดทุนผันผวน | |||
ท่านสามารถอ่านและดาวน์โหลดเอกสารได้จาก KKP240124_T
|