กำไรสุทธิ 2Q66 ของ KKP ออกมาต่ำกว่าคาดค่อนข้างมาก เพราะ ECL สูงกว่าคาด โดยผลประกอบการสะท้อนถึงคุณภาพสินทรัพย์ที่แย่ลง credit cost ที่สูงขึ้น สินเชื่อที่เติบโตดี NIM ที่ดีขึ้น non-NII ที่สูงขึ้น และอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ที่ลดลง เราปรับเรทติ้งสำหรับ KKP ลงสู่ NEUTRAL และปรับราคาเป้าหมายลดลงจาก 75 บาท สู่ 67 บาท เพื่อสะท้อนคุณภาพสินทรัพย์ที่แย่กว่าคาด
2Q66: กำไรสุทธิต่ำกว่าคาดค่อนข้างมาก เพราะ ECL สูงกว่าคาด กำไรสุทธิ 2Q66 อยู่ที่ 1.41 พันลบ. (-32% QoQ, -31% YoY) ต่ำว่า INVX คาด 11% และต่ำกว่า consensus คาด 21% กำไรสุทธิที่ออกมาต่ำกว่าคาดมีสาเหตุหลักมาจากผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) ที่สูงกว่าคาดค่อนข้างมาก
รายการสำคัญ
ปรับประมาณการกำไรปี 2566 ลดลงจากการปรับประมาณการ credit cost เราปรับประมาณการกำไรปี 2566 ลดลง 7% เนื่องจากเราปรับประมาณการ credit cost เพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันเราคาดว่ากำไรปี 2566 จะลดลง 4% กำไร 1H66 คิดเป็น 48% ของประมาณการกำไรเต็มปีของเรา เราคาดว่ากำไร 3Q66 จะฟื้นตัว QoQ (ECL ลดลง) แต่จะลดลง YoY (ECL เพิ่มขึ้น)
ปรับเรทติ้งลงสู่ NEUTRAL และปรับราคาเป้าหมายลดลง เราปรับเรทติ้งสำหรับ KKP ลงสู่ NEUTRAL และปรับราคาเป้าหมายลดลงจาก 75 บาท สู่ 67 บาท (PBV ปี 2567 ที่ 0.85 เท่า) เพื่อสะท้อนคุณภาพสินทรัพย์ที่แย่กว่าคาดและแนวโน้มที่จะมีการแปลงสภาพ KKP-W5 และ KKP-W6
ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ: 1) ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์จากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว 2) การขยายสินเชื่อได้ช้ากว่าคาดเนื่องจากความต้องการสินเชื่อชะลอตัวและการแข่งขันสูง และ 3) non-NII ได้รับแรงกดดันจากตลาดทุนที่ผันผวนและแนวโน้มที่ ธปท.จะใช้กฎระเบียบที่เข้มงวดมากขึ้น
PDF คลิกอ่านเพิ่มเติม KKP230724_T