ผลประกอบการ 4Q65 ของ KTB ออกมาตามคาด โดยสะท้อนถึงคุณภาพสินทรัพย์ในระดับทรงตัว สินเชื่อที่หดตัวลง NIM ที่ดีขึ้น non-NII ที่สูงขึ้น และอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ที่ลดลง QoQ เรายังคงเรทติ้ง OUTPERFORM สำหรับ KTB และปรับราคาเพิ่มขึ้นจาก 20 บาท สู่ 21 บาท เนื่องจากเราปรับประมาณการกำไรปี 2566 เพิ่มขึ้น 8% จากการปรับประมาณการ NIM เพื่อสะท้อนการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้มากกว่าคาด
4Q65: กำไรเป็นไปตามคาด KTB รายงานกำไรสุทธิ 4Q65 จำนวน 8.1 พันลบ. (-4% QoQ, +64% YoY) และกำไรสุทธิปี 2565 จำนวน 3.37 หมื่นลบ. (+56%) เป็นไปตามที่เราและ consensus คาด
รายการสำคัญ:
1) คุณภาพสินทรัพย์: NPL ลดลง 3% QoQ (แต่ +7% ถ้านำยอดตัดหนี้สูญบวกกลับเข้ามา) credit cost เพิ่มขึ้น 29 bps QoQ สู่ 1.16% สูงกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ LLR coverage เพิ่มขึ้นจาก 169% ณ 3Q65 สู่ 172%
2) การเติบโตของสินเชื่อ: -1% QoQ และ YoY การหดตัวเกิดขึ้นในสินเชื่อภาครัฐ (-15% QoQ, -23% YoY) และสินเชื่อ SME (-2% QoQ, -3% YoY) ขณะที่พบการการเติบโตในสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ (+5% QoQ, +4% YoY) และสินเชื่อรายย่อย (+3% QoQ, +7% YoY)
3) NIM: +19 bps QoQ โดยเกิดจากผลตอบแทนจากสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้ที่เพิ่มขึ้น 18 bps QoQ ขณะที่ต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้น 10 bps
4) Non-NII: ดีกว่าคาด โดย +19% QoQ (+18% YoY) หลักๆ เกิดจากกำไรจากเครื่องมือทางการเงินและรายได้อื่น ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิลดลง (-5% QoQ, -2% YoY)
5) อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้: -38 bps QoQ และ -402 bps YoY ใน 4Q65 และ -189 bps ในปี 2565 สู่ 44%
ปรับประมาณการกำไรปี 2566 เพิ่มขึ้น เพราะปรับประมาณการ NIM เพิ่มขึ้น เราปรับประมาณการกำไรปี 2566 เพิ่มขึ้น 8% โดยคาดว่ากำไรจะเติบโต 15% (เทียบกับ 56% ในปี 2565) เราปรับประมาณการ NIM ปี 2566 เพิ่มขึ้น 15 bps เพื่อสะท้อนการปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพิ่มขึ้น 40 bps ในเดือนม.ค. ซึ่งมากกว่าการปรับอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนฟื้นฟูฯ เพิ่มขึ้น 23 bps และดีกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ สำหรับปี 2566 เราคาดว่าสินเชื่อจะเติบโต 3% NIM จะขยายตัว 23 bps credit cost จะลดลง 3 bps และ non-NII จะลดลง 2%
คงเรทติ้ง OUTPERFORM และปรับราคาเป้าหมายเพิ่มขึ้น เรายังคงเรทติ้ง OUTPERFORM สำหรับ KTB และปรับราคาเป้าหมายเพิ่มขึ้นจาก 20 บาท สู่ 21 บาท (0.64 เท่าของประมาณการ BVPS ปี 2566) เพื่อสะท้อนการปรับประมาณการ NIM ปี 2566 เพิ่มขึ้น
ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ: 1) ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์จากเงินเฟ้อสูงและเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และ 2) ผลกระทบจาก Fintech