ผลประกอบการ 2Q66 ของ KTC ออกมาตามคาด โดยสะท้อนถึงคุณภาพสินทรัพย์ที่แย่ลง สินเชื่อที่เติบโตดี NIM ที่ดีขึ้น non-NII ในระดับทรงตัว และอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ที่สูงขึ้น เรายังคงเรทติ้ง UNDERPERFORM สำหรับ KTC และปรับราคาเป้าหมายลดลงสู่ 44 บาท เพื่อสะท้อนการปรับประมาณการกำไรลดลง 5% และผลกระทบจากมาตรการแก้หนี้เรื้อรัง (PD) ของ ธปท.
2Q66: กำไรตามคาด KTC รายงานกำไรสุทธิ 2Q66 จำนวน 1.81 พันลบ. (-4% QoQ, -5% YoY) เป็นไปตามที่ INVX และ consensus คาด
รายการสำคัญ
ปรับประมาณการกำไรลดลง เราปรับประมาณการกำไรปี 2566 และปี 2567 ลดลงปีละ 5% โดยส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการปรับประมาณการ credit cost และ non-NII กำไร 1H66 คิดเป็น 50% ของประมาณการกำไรเต็มปีของเรา (+4%) สำหรับ 3Q66 เราคาดว่ากำไรจะฟื้นตัวเล็กน้อย QoQ และ YoY เนื่องจากสินเชื่อที่เติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจะถูกลดทอนไปบางส่วนโดย ECL ที่สูงขึ้น
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากมาตรการแก้หนี้เรื้อรัง (PD) ตั้งแต่เดือนเม.ย. 2567 เป็นต้นไป ธปท.จะบังคับใช้มาตรการแก้หนี้เรื้อรัง (PD) กับสินเชื่อส่วนบุคคลประเภทหมุนเวียนสำหรับลูกค้าธนาคารพาณิชย์ (รวมถึง KTC) ที่มีรายได้ไม่เกิน 20,000 บาทต่อเดือน ในกรณีที่จ่ายดอกเบี้ยมากกว่าเงินต้นในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา บริษัทจะให้ทางเลือกแก่ลูกหนี้ที่สนใจสามารถเปลี่ยนสินเชื่อหมุนเวียนมาเป็นแบบมีระยะเวลา (term loan) และคิดอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 15% ต่อปี โดยจะกำหนดให้การผ่อนชำระสามารถปิดจบภายใน 5 ปี KTC ได้ประเมินผลกระทบว่าหากลูกหนี้ที่เข้าเกณฑ์ทุกรายเข้าร่วมโครงการจะมีผลกระทบต่อรายได้ดอกเบี้ยลดลงประมาณ 18 ลบ./เดือน ผลกระทบหลังภาษีเทียบเท่ากับ 2% ของประมาณการกำไรสุทธิปี 2566
คงเรทติ้ง UNDERPERFORM เรายังคงเรทติ้ง UNDERPERFORM สำหรับ KTC และปรับราคาเป้าหมายลดลงจาก 52 บาท สู่ 44 บาท (PBV ปี 2567 ที่ 2.8 เท่า) เนื่องจากเรามองว่า valuation แพง
ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ: 1) ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์จากการปรับเพิ่มอัตราผ่อนชำระขั้นต่ำสำหรับบัตรเครดิตจาก 5% สู่ 8% ในปี 2567 และ 10% ในปี 2568 และเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวไม่ทั่วถึง 2) ความเสี่ยงด้าน NIM จากการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นอีก และ 3) มาตรการแก้หนี้ครัวเรือนของ ธปท.
PDF คลิกอ่านเพิ่มเติม KTC230724_T