เรามีมุมมองเชิงบวกต่อแผน 5 ปีฉบับใหม่ของ PTTEP โดยบริษัทมีแผนลงทุน US$3.26 หมื่นล้าน และคาดการณ์ว่าปริมาณขายจะเติบโตเฉลี่ย 5% ต่อปี ในระหว่างปี 2567-2571 (ลดลงเล็กน้อยจากแผนเดิม) กลยุทธ์การลงทุนนี้สะท้อนให้เห็นถึงเป้าหมายการเติบโตในระยะยาวและความมุ่งมั่นของบริษัทต่อความมั่นคงทางพลังงานของประเทศไทยและการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด เรารวมแผนลงทุนใหม่นี้เข้ามาไว้ในประมาณการทางการเงินโดยมีการปรับปรุงเล็กน้อย เรามองว่าราคาหุ้น PTTEP ที่ปรับตัวลดลง 11% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา เทียบกับ SET ที่ -1% โดยมีสาเหตุมาจากราคาน้ำมันที่อ่อนตัวลง เปิดโอกาสให้กลับเข้าซื้อหุ้น PTTEP อีกครั้ง เราปรับเรทติ้งสำหรับ PTTEP ขึ้นสู่ “OUTPERFORM” ด้วยราคาเป้าหมายอ้างอิงวิธี DCF ที่ 194 บาท ซึ่งอิงกับราคาน้ำมันเบรนท์ระยะยาวที่ US$70/bbl ปรับงบประมาณลงทุน 5 ปี เพิ่มขึ้น 12% จากแผนเดิม PTTEP วางแผนใช้งบประมาณลงทุน US$3.26 หมื่นล้าน ในระยะ 5 ปีข้างหน้า แบ่งเป็นรายจ่ายลงทุน 64% และรายจ่ายดำเนินงาน 36% ซึ่งสูงกว่าแผนเดิม 12% เนื่องจากมีโครงการใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น และต้นทุนการพัฒนาสูงขึ้นอันเป็นผลมาจากการขาดแคลนอุปทานในบริการ E&P oilfield รวมถึงเรือสนับสนุนกิจการนอกชายฝั่ง การลงทุนจะทำจุดสูงสุดในปี 2568 ที่ US$7.5 พันล้าน หลังจากบริษัททำการตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้ายในโครงการก๊าซในประเทศมาเลเซีย (SK410B) ในปี 2567 นอกจากนี้ยังมีโครงการอื่นๆ ที่มีกำหนดเริ่มดำเนินการในปี 2571 ได้แก่ โครงการ Mozambique LNG โครงการ Abu Dhabi Offshore 2 และโครงการ Southwest Vietnam รวมถึงการลงทุนในธุรกิจใหม่ จัดสรรงบประมาณลงทุนเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในโครงการ CCSเป็นส่วนใหญ่ PTTEP จัดสรรงบประมาณลงทุน 5 ปี จำนวน US$1.1 พันล้าน เพื่อลงทุนในโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยส่วนใหญ่เป็นโครงการดักจับและกักเก็บคาร์บอน (CCS) สำหรับแหล่งอาทิตย์ (US$300 ล้าน) และการขยายไปสู่ธุรกิจใหม่ หลักๆ คือ ธุรกิจ AI and Robotic (ARV) นอกจากนี้ บริษัทยังได้สำรองงบประมาณเพิ่มเติมอีกจำนวน US$2 พันล้าน สำหรับลงทุนในธุรกิจพลังงานสะอาดอื่นๆ ซึ่งรวมถึงธุรกิจพลังงานหมุนเวียนนอกชายฝั่ง และธุรกิจดักจับและกักเก็บคาร์บอน เพื่อสนับสนุนเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593 ปรับเป้าปริมาณขายลดลงเล็กน้อย PTTEP คาดการณ์ว่าปริมาณขายจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ย (CAGR) 5% ต่อปี ในระหว่างปี 2566 ถึงปี 2571 สู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 587kBOED ในปี 2571 แม้ว่าจะมีการปรับคาดการณ์ลดลงเล็กน้อยโดยเฉลี่ย 2% หลักๆ ในปี 2570 (-3% จากแผนเดิม) เป้าหมายดังกล่าวสะท้อนถึงความล่าช้าเล็กน้อยของโครงการใหม่ 2 โครงการ ได้แก่ Mozambique LNG และ SK410B (Lang Lebah) ของมาเลเซีย จากปี 2570 เป็นปี 2571 โครงการสองโครงการนี้จะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยสนับสนุนให้ปริมาณขายเติบโตในปี 2571 และจะทำให้สัดส่วนผลิตภัณฑ์ก๊าซเพิ่มขึ้นจาก 72-73% เป็น 75% ปริมาณขายในปี 2567 คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 9% YoY สู่ 505kBOED โดยได้แรงหนุนจากการผลิตที่สูงขึ้นที่โครงการ G1/61 สู่ 500-550mmcfd ในเดือนก.พ.-มี.ค. และจะเพิ่มขึ้นถึงปริมาณที่กำหนดไว้ตามสัญญาที่ 800mmcfd ภายในเดือนเม.ย. 2567 ผู้บริหารกล่าวว่าการขุดเจาะหลุมผลิตเป็นไปตามแผน แหล่งเงินทุนยังคงสามารถบริหารจัดการได้ เราเชื่อว่าสถานะทางการเงินที่มั่นคงและกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของ PTTEP น่าจะสามารถรองรับงบประมาณลงทุนที่สูงขึ้นในระยะ 5 ปีข้างหน้าได้ อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนของ PTTEP ณ สิ้น 3Q66 อยู่ที่เพียง 0.3 เท่า เราคาดว่าอัตราส่วนดังกล่าวจะยังคงอยู่ในระดับต่ำในระยะ 5 ปีข้างหน้า แม้ว่าจะมีแผนลงทุนล่าสุด เว้นแต่จะมีการลงทุนขนาดใหญ่อื่นๆ คงราคาเป้าหมายไว้ที่ 194 บาท ราคาเป้าหมายที่เราคำนวณด้วยวิธี DCF (สิ้นปี 2567) ที่ 194 บาท/หุ้น อิงกับราคาน้ำมันดูไบระยะยาวที่ US$68/bbl และราคาน้ำมันเบรนท์ระยะยาวที่ US$70/bbl ตั้งแต่ปี 2569 เพราะราคาน้ำมันในตลาดโลกมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น ทั้งนี้สมมติฐานปริมาณขายของเราซึ่งต่ำกว่าเป้าของ PTTEP อยู่ 3% เป็นส่วนเผื่อเพื่อความปลอดภัย (margin of safety) ต่อประมาณการกำไรและ valuation ของเรา ณ ราคาเป้าหมายของเรา หุ้น PTTEP จะเทรดที่ PBV ปี 2567 ระดับ 1.4 เท่า หรือ +1SD ของ PBV เฉลี่ย 5 ปี สะท้อนถึงตลาดน้ำมันที่ดีขึ้น ปัจจัยเสี่ยง: 1) ราคาน้ำมันดิบผันผวน 2) ต้นทุนต่อหน่วยสูงขึ้น 3) การด้อยค่าของสินทรัพย์ และ 4) การเปลี่ยนแปลงกฎหมายเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ปัจจัยเสี่ยงด้าน ESG ที่สำคัญ คือ ผลกระทบของธุรกิจต่อสิ่งแวดล้อม และการปรับตัวในช่วงเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด | |||
ท่านสามารถอ่านและดาวน์โหลดเอกสารได้จาก PTTEP231215_T
|