Keyword
Company Earnings

SCC – พรีวิว 1Q66: คาดกำไรฟื้นตัว QoQ – OUTPERFORM

11 Apr 23 12:00 AM
SCC

เราคาดว่ากำไรสุทธิของ SCC จะฟื้นตัวจาก 157 ลบ. ใน 4Q65 สู่ 3.7 พันลบ. ใน 1Q66 โดยได้รับการสนับสนุนจากผลการดำเนินงานที่ปรับตัวดีขึ้นในทุกกลุ่มธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจเคมิคอลส์ (ปริมาณการขายและส่วนต่างราคาสินค้าเคมีภัณฑ์สูงขึ้น) ธุรกิจซีเมนต์ (ASP สูงขึ้น อุปสงค์เพิ่มขึ้นท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้น และต้นทุนถ่านหินลดลง) และธุรกิจบรรจุภัณฑ์ (ต้นทุนวัตถุดิบและพลังงานลดลง) เราเชื่อว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงน่าจะสะท้อนปัจจัยลบส่วนใหญ่ไปเรียบร้อยแล้ว ในขณะที่แนวโน้มระยะสั้นจะปรับตัวดีขึ้น ดังนั้นเราจึงคงเรทติ้ง OUTPERFORM สำหรับ SCC ด้วยราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 อ้างอิงวิธี SOTP ที่ 385 บาท

คาดกำไรสุทธิ 1Q66 จะเติบโต QoQ เราคาดว่า SCC จะรายงานกำไรสุทธิ 3.7 พันลบ. ใน 1Q66 ปรับตัวดีขึ้นอย่างมากจากกำไรสุทธิ 157 ลบ. ใน 4Q65 โดยได้รับการสนับสนุนจาก: 1) ส่วนต่างราคาสินค้าเคมีภัณฑ์ที่ปรับตัวดีขึ้น (ส่วนต่างราคาโพลิเอทิลีนความหนาแน่นสูง (HDPE) อยู่ที่ US$396/ตัน ใน 1Q66 เทียบกับ US$361/ตัน ใน 4Q65 และส่วนต่างราคาโพลิโพรพิลีน (PP) อยู่ที่ US$380 ใน 1Q66 เทียบกับ US$302 ใน 4Q65); 2) ปริมาณการผลิตที่สูงขึ้นหลังจากบริษัทกลับมาเดินเครื่องโรงงาน Rayong Olefins Complex (ROC) ในสัปดาห์ที่สองของเดือนก.พ. ส่งผลทำให้อัตราการใช้กำลังการผลิตโอเลฟินส์ปรับเพิ่มขึ้นจาก 70% ใน 4Q65 สู่ 75-80% ใน 1Q66 (ประเมินปริมาณการผลิตโพลิโอเลฟินส์เพิ่มขึ้นจาก 331,000 ตันใน 4Q65 สู่ 410,000 ตันใน 1Q66); 3) ผลการดำเนินงานของธุรกิจ CBM ซึ่งคาดว่าจะพลิกกลับมามีกำไรสุทธิ เพราะไม่มีการบันทึกค่าใช้จ่ายจากการด้อยค่าที่เกิดขึ้นครั้งเดียวจำนวน 848 ลบ. จากบริษัทย่อย เอสซีจี เซรามิกส์ (COTTO) เหมือนใน 4Q65 รวมถึงอุปสงค์ปูนซีเมนต์จะปรับตัวดีขึ้นทั้ง QoQ และ YoY โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้เรายังคาดว่าธุรกิจบรรจุภัณฑ์ (SCGP, OUTPERFORM, ราคาเป้าหมาย 65 บาท) จะปรับตัวดีขึ้นใน 1Q66 โดยได้รับการสนับสนุนจากต้นทุนวัตถุดิบและพลังงานที่ลดลง

แนวโน้มกำไร 2Q66 เรามีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีหลังจากจีนผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ เราคาดว่าราคาและส่วนต่างราคา HDPE/PP จะค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้นในระยะ 2-3 ไตรมาสข้างหน้า โดยได้รับการสนับสนุนจากการเปิดประเทศของจีนซึ่งจะผลักดันให้อุปสงค์ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีโดยรวมปรับตัวเพิ่มขึ้น และลดทอนผลกระทบจากสถานการณ์อุปทานล้นตลาดในปัจจุบัน จีนเป็นประเทศที่มีความต้องการใช้โพลิโอเลฟินส์มากที่สุดในโลก (ราว 25-30% ของความต้องการใช้โพลิโอเลฟินส์ทั่วโลก) แม้ว่าธุรกิจในจีนจะกลับมาดำเนินการตามปกติ โดยใช้สมมติฐานว่าอุปสงค์ PE ในจีนจะเติบโต 5% ในปี 2566 แต่มีความเสี่ยง downside จากข้อมูลที่บ่งชี้ว่าการนำเข้า HDPE สุทธิของจีนในเดือนม.ค.-ก.พ. 2566 ลดลง 15% YoY เนื่องจากการผลิตภายในประเทศเพิ่มขึ้น 6% ทั้งนี้ ICIS คาดการณ์ว่ากำลังการผลิตโพลิโอเลฟินส์ของจีนจะเพิ่มขึ้น 12% ในปี 2566 หลังจากเพิ่มขึ้น 22% ในปีที่ผ่านมา

ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ คือ การเปลี่ยนแปลงในด้านกำลังซื้อและต้นทุนที่สูงขึ้นจากแรงกดดันเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน รวมถึงอุปทานเพิ่มเติมจำนวนมากที่จะเข้าสู่ตลาด

PDF คลิกอ่านเพิ่มเติม   SCC11042023

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5