แม้ยอด presales ในปี 2566 ของ SIRI ปรับตัวลดลง 2% และต่ำกว่าเป้า 20% แต่เราเชื่อว่ากำไรสุทธิจะทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และผลตอบแทนจากเงินปันผลจะอยู่ในระดับสูงที่ 11% สำหรับปี 2567 SIRI ตั้งเป้ายอด presales เติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ 20% โดยได้รับการสนับสนุนจากโครงการแนวราบ อย่างไรก็ตาม โครงการเปิดใหม่ทั้งหมดจะลดลง 6% โดยบริษัทจะเน้นเปิดตัวคอนโดในต่างจังหวัด เช่น ภูเก็ต และหัวหิน มากขึ้น และจะมีโครงการแบรนด์ใหม่ทั้งแนวราบและคอนโด กำไรปกติปี 2567 ก่อนรายการพิเศษกับ JV อาจจะอ่อนตัวลง YoY เรายังคงคำแนะนำ tactical call ระยะ 3 เดือนสำหรับ SIRI ไว้ที่ NEUTRAL โดยให้ราคาเป้าหมายปี 2567 ที่ 2.20 บาท อ้างอิง PE 7 เท่า (+0.25SD) ตั้งเป้ายอด presales เติบโต 20% ในปี 2567 ในปี 2566 SIRI ทำยอด presales ได้รวม 3.75 หมื่นลบ. (-2% YoY) ต่ำกว่าเป้า 20% เพราะได้รับแรงกดดันจากอุปสงค์ที่ชะลอตัวลงในโครงการแนวราบโดยเฉพาะในกลุ่มตลาดระดับบนและลักชัวรี่ และอัตราการปฏิเสธสินเชื่อที่สูงขึ้นในกลุ่มราคาเข้าถึงง่าย (affordable) ยอด presales ในปี 2566 สัดส่วน 56% เกิดจากโครงการแนวราบ (มูลค่าลดลง 26%) และ 44% เกิดจากคอนโด (มูลค่าเพิ่มขึ้น 64%) SIRI ตั้งเป้ายอด presales ในปี 2567 ที่ 4.5 หมื่นลบ. (+20% YoY) โดย 64% เกิดจากโครงการแนวราบ (มูลค่าเพิ่มขึ้น 37%) และ 36% เกิดจากคอนโด (มูลค่าลดลง 3%) มูลค่าโครงการเปิดใหม่ทั้งหมดลดลงในปี 2567 โดยจะเน้นคอนโดในต่างจังหวัดมากขึ้น ในปี 2567 SIRI ตั้งเป้าเปิดตัวโครงการใหม่รวม 46 โครงการ มูลค่า 6.1 หมื่นลบ. (-6%) โดย 57% เป็นโครงการแนวราบ (มูลค่าลดลง 26%) และ 43% เป็นคอนโด (มูลค่าเพิ่มขึ้น 44%) โดยคอนโดใหม่ 45% จะอยู่ในต่างจังหวัด โครงการที่เป็นไฮไลท์ในปี 2567 คือ The Standard Residences HuaHin มูลค่าโครงการ 4.5 พันลบ. และ Cabanas HuaHin มูลค่าโครงการ 1.5 พันลบ. สำหรับโครงการแนวราบ SIRI จะเปิดตัวแบรนด์ใหม่: ณริณสิริ (ราคา 45-70 ลบ./ยูนิต), ELSE (ราคา 20-60 ลบ./ยูนิต) และ Mabel (ราคา 5-7 ลบ./ยูนิต) แม้ว่า SIRI ตั้งเป้ายอด presales จากโครงการแนวราบเติบโตสูงในปี 2567 แต่มูลค่าโครงการแนวราบเปิดใหม่ทั้งหมดจะลดลง 26% ซึ่งบ่งชี้ว่า SIRI จะเน้นขายโครงการแนวราบที่เปิดตัวไปในปีก่อนที่ยังเหลืออยู่มูลค่า 1.18 หมื่นลบ. คงประมาณการกำไรปี 2566 เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 ไว้ที่ 6.0 พันลบ. (+41.9%) และคาดการณ์กำไรปกติที่ 5.4 พันลบ. (+25.4%) โดยใช้สมมติฐานว่ากำไรสุทธิ 4Q66 จะลดลง QoQ และ YoY สู่ 1.26 พันลบ. (-29.2% YoY และ -18.6% QoQ) เพราะได้รับแรงกดดันจากค่าใช้จ่าย SG&A ที่สูงขึ้น สำหรับปี 2567 หากไม่รวมรายการพิเศษกับ JV เราคาดว่ากำไรปกติจะลดลง 17% สู่ 5 พันลบ. ปัจจัยเสี่ยงและความกังวลความเสี่ยงจากการดำเนินงาน: การปฏิเสธสินเชื่อที่อยู่อาศัยทำให้ความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยแนวราบลดลงทุกกลุ่ม และอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ +/-2 เท่า ดังนั้นกระแสเงินสดและดอกเบี้ยจ่ายจึงเป็นสิ่งที่ต้องจับตา SIRI มีหุ้นกู้มูลค่า 9 พันลบ. ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2567 ดังนั้นต้นทุนทางการเงินเฉลี่ยอาจจะปรับเพิ่มขึ้นสู่ 4.2% ESG: SIRI ตั้งเป้าเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายแรกของไทยที่บรรลุเป้าหมาย Net Zero ในปี 2593 โดยได้รับการสนับสนุนจากการใช้แผงโซลาร์เซลล์เพิ่มมากขึ้น การติดตั้งเครื่องชาร์จรถ EV และการบริหารจัดการขยะและนำมารีไซเคิลมากขึ้น ความเสี่ยงจาก ESG: สิ่งแวดล้อม แม้ว่า SIRI ได้ยื่นขออนุมัติ EIA สำหรับโครงการของบริษัทแล้ว แต่ยังต้องจับตาชุมชนและชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียงกับไซต์ก่อสร้างอย่างใกล้ชิด ธรรมาภิบาล: SIRI จะยกระดับมาตรฐานด้านนักลงทุนสัมพันธ์เพื่อให้ข้อมูลเป็นปัจจุบันและแม่นยำยิ่งขึ้น คงคำแนะนำ NEUTRAL โดยให้ราคาเป้าหมายปี 2567 ที่ 2.20 บาท เราคงคำแนะนำ tactical call ระยะ 3 เดือน สำหรับ SIRI ไว้ที่ NEUTRAL โดยให้ราคาเป้าหมายปี 2567 ที่ 2.20 บาท อ้างอิง PE 16 ปีที่ 7 เท่า (+0.25SD) เราคาดการณ์เงินปันผลสำหรับงวด 2H66 ที่ 0.09 บาท/หุ้น คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผล 5.2% | |||
ท่านสามารถอ่านและดาวน์โหลดเอกสารได้จาก SIRI240124_T
|