หลังการประชุมนักวิเคราะห์ เรายังคงคำแนะนำ OUTPERFORM สำหรับ TIDLOR และคงราคาเป้าหมายไว้ที่ 27 บาท TIDLOR ตั้งเป้าหมายทางการเงินปี 2567 ที่ค่อนข้างอนุรักษ์นิยมและสอดคล้องกับที่เราคาดการณ์ไว้ เราคาดว่า TIDLOR จะรายงานกำไรเติบโตดีในปี 2567 โดยได้รับการสนับสนุนจากสินเชื่อและรายได้ค่าธรรมเนียมที่เติบโตดี และ credit cost ที่ลดลงหลังจาก NPL เกิดใหม่น่าจะทำจุดสูงสุดไปแล้วในปี 2566 Credit cost จะลดลง TIDLOR ตั้งเป้า credit cost ที่ 3-3.35% สำหรับปี 2567 ลดลงจาก 3.39% ในปี 2566 เราปรับประมาณการ credit cost ปี 2567 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 3.25% สู่ 3.3% (-9 bps) เป้า credit cost ด้านสูงที่ 3.35% สะท้อนถึงความไม่แน่นอนของราคารถมือสองที่ปรับตัวลดลง ทั้งนี้หลังการเคลียร์งบดุลครั้งใหญ่ผ่านทางการตัดหนี้สูญมูลค่า 2.1 พันลบ. ในปี 2566 และ LLR coverage เพิ่มขึ้นจาก 250% ณ สิ้นปี 2565 สู่ 270% ณ สิ้นปี 2566 เราเชื่อว่าการตัดหนี้สูญน้อยลงและราคารถบรรทุกมือสองที่ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วน่าจะช่วยให้ credit cost ลดลงในปี 2567 TIDLOR คาดว่าจะสามารถลด credit cost ลงได้ใน 2H67 สินเชื่อจะชะลอตัวลง แต่ยังดี TIDLOR ตั้งเป้าการเติบโตของสินเชื่อที่ 10-20% สำหรับปี 2567 ซึ่งเป็นเป้าเดียวกับปี 2566 เรายังคงประมาณการการเติบโตของสินเชื่อปี 2567 ไว้ที่ 18% เทียบกับ 20% ในปี 2566 NIM จะได้รับแรงกดดันจากต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น TIDLOR คาดว่าต้นทุนทางการเงินของบริษัทจะเพิ่มขึ้นไม่เกิน 40 bps ใน 1H67 ทั้งนี้เพื่อลดผลกระทบจากต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น TIDLOR จึงปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพิ่มขึ้น 35 bps โดยใช้กับการปล่อยสินเชื่อใหม่ เราคาดว่า NIM จะลดลง 11 bps ในปี 2567 หลังจากลดลง 53 bps ในปี 2566 การเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมจะชะลอตัวลง แต่ยังดี TIDLOR ตั้งเป้าการเติบโตของเบี้ยประกันวินาศภัยที่ 10-20% ในปี 2567 เทียบกับ 25% ในปี 2566 เรายังคงประมาณการการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการไว้ที่ 18% ในปี 2567 อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้จะอยู่ในระดับทรงตัวในปี 2567 TIDLOR คาดว่าอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้จะทรงตัวอยู่ที่ mid-50% ในปี 2567 opex จะได้รับแรงกดดันจากค่าใช้จ่ายลงทุนด้าน IT ที่สูงขึ้น (ส่วนใหญ่สำหรับนายหน้าประกันภัยออนไลน์) และการขยายสาขา (+100 สาขาในปี 2567) เราคาดว่าอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้จะอยู่ที่ 54% ในปี 2567 เทียบกับ 54.9% ในปี 2566 กำไรฟื้นตัวดี เราปรับประมาณการกำไรปี 2567 ลดลง 2% หลักๆ เกิดจากการปรับประมาณการ credit cost เพิ่มขึ้นเล็กน้อย เราคาดว่ากำไรปี 2567 จะเติบโต 23% แต่ EPS จะเพิ่มขึ้น 19% โดยมีสาเหตุมาจาก dilution effect จากหุ้นปันผล คงคำแนะนำ OUTPERFORM และราคาเป้าหมายไว้ไม่เปลี่ยนแปลง เรายังคงคำแนะนำ OUTPERFORM สำหรับ TIDLOR และคงราคาเป้าหมายไว้ที่ 27 บาท (ที่ PBV 2.4 เท่า อ้างอิง ROE ระยะยาวที่ 17% cost of equity ที่ 9.4% และการเติบโตระยะยาวที่ 4%) หรือ PE ปี 2567 ที่ 17 เท่า เนื่องจากเราคาดว่า TIDLOR จะรายงานกำไรฟื้นตัวดีในปี 2567 และปี 2568 หลักๆ เกิดจาก credit cost ที่ลดลง ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ: 1) ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ยังไม่ทั่วถึง 2) ความเสี่ยงด้าน credit cost จากราคารถมือสองที่ลดลง 3) การแข่งขันที่สูงขึ้นจากธนาคารต่างๆ 4) ความเสี่ยงด้านกฎหมาย และ 5) ความเสี่ยง ESG จาก market conduct | |||
ท่านสามารถอ่านและดาวน์โหลดเอกสารได้จาก TIDLOR240306_T
|