ผลประกอบการ 1Q66 ของ TIDLOR ออกมาดีกว่าคาดเล็กน้อย เพราะ opex ต่ำกว่าคาด โดยผลประกอบการสะท้อนถึงคุณภาพสินทรัพย์ที่ทรงตัวต่อเนื่อง พร้อมกับ credit cost ที่ลดลง QoQ สินเชื่อที่เติบโตช้าลง NIM ที่หดตัวลง รายได้จากธุรกิจนายหน้าประกันภัยที่เติบโต YoY อย่างแข็งแกร่งต่อเนื่อง (แต่ลดลง QoQ ตามฤดูกาล) การปรับตัวลดลงของราคาหุ้นหนุนให้เราปรับเรทติ้งสำหรับ TIDLOR ขึ้นสู่ NEUTRAL และคงราคาเป้าหมายไว้ที่ 25 บาท
1Q66: กำไรดีกว่าคาดเล็กน้อย เพราะ opex ต่ำกว่าคาด กำไรสุทธิ 1Q66 เพิ่มขึ้น 17% QoQ (opex ลดลง) และ 2 % YoY สู่ 955 ลบ. สูงกว่าที่เราคาดการณ์ไว้อยู่ 9% และสูงกว่า consensus คาดอยู่ 7% กำไรสุทธิที่สูงกว่าคาดมีสาเหตุหลักมาจาก opex ที่ต่ำกว่าคาด
รายการที่สำคัญ:
1) คุณภาพสินทรัพย์: อัตราส่วน NPL ลดลง 8 bps QoQ สู่ 1.53% credit cost ลดลง 20 bps QoQ สู่ 3.14% สอดคล้องกับเป้าหมายทั้งปีของบริษัทที่ 3-3.5% LLR coverage เพิ่มขึ้นสู่ 270% จาก 248% ณ 4Q65
2) การเติบโตของสินเชื่อ: +2% QoQ, +27% YoY ใน 1Q66 ช้ากว่า 7% QoQ และ 32% YoY ใน 4Q65 โดยสอดคล้องกับเป้าหมายของบริษัทที่จะชะลอการขยายสินเชื่อลงสู่ 10-20% ในปี 2566
3) NIM: -63 bps QoQ เนื่องจากผลตอบแทนจากการให้สินเชื่อลดลง 57 bps QoQ และต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้น 2 bps QoQ
4) Non-NII: -8% QoQ (เพราะปัจจัยฤดูกาล), +31% YoY โดยได้แรงหนุนจากรายได้จากธุรกิจนายหน้าประกันภัย
5) อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้: -480 bps QoQ (เกิดจาก opex ที่ลดลง 9% QoQ ตามฤดูกาล) และ -388 bps YoY (การประหยัดต่อขนาด) สู่ 53.66% ต่ำกว่าที่เราคาดการณ์ และเป้าหมายทั้งปีที่ 55%
แนวโน้ม 2Q66 และปี 2566 กำไรสุทธิ 1Q66 คิดเป็น 26% ของประมาณการกำไรสุทธิเต็มปีของเรา เราคาดการณ์ในเบื้องต้นว่ากำไรสุทธิ 2Q66 จะอยู่ในระดับทรงตัว QoQ และเพิ่มขึ้น YoY เราคาดว่ากำไรสุทธิปี 2566 จะเติบโต 3% (EPS -9% โดยมีสาเหตุมาจาก dilution effect จากหุ้นปันผล) โดยเกิดจากสินเชื่อที่เติบโต 19% NIM ที่ลดลง 31 bps รายได้ค่านายหน้าประกันภัยที่เพิ่มขึ้น 24% credit cost ที่เพิ่มขึ้น 124 bps สู่ 3% และอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ที่ลดลง
ปรับเรทติ้งขึ้นสู่ NEUTRAL และคงราคาเป้าหมายไว้เท่าเดิม เนื่องจากราคาหุ้นปรับตัวลดลงมาแล้ว 18% จากจุดสูงสุดของปีนี้ในเดือนม.ค. ดังนั้นเราจึงปรับเรทติ้งสำหรับ TIDLOR ขึ้นสู่ NEUTRAL และคงราคาเป้าหมายไว้ที่ 25 บาท (PBV 2.4 เท่า หรือ PE 19 เท่า สำหรับปี 2566)
ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ: 1) ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์จากเงินเฟ้อสูงและเศรษฐกิจโลกชะลอตัว 2) ความเสี่ยงด้าน NIM จากอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น 3) การแข่งขันที่สูงขึ้นจากธนาคารพาณิชย์ และ 4) ความเสี่ยงด้านกฎหมาย
PDF คลิกอ่านเพิ่มเติม TIDLOR230510_T