กำไรสุทธิ 1Q67 ของ TTB ต่ำกว่าที่เราคาดการณ์ไว้เล็กน้อย โดยมีสาเหตุมาจากการตั้ง ECL สูงกว่าคาดจากตั้งสำรองพิเศษ management overlay ผลประกอบการโดยรวมสะท้อนถึง NPL ไหลเข้าที่ลดลง credit cost ที่ลดลง สินเชื่อที่หดตัวลง NIM ที่ลดลง non-NII ที่อ่อนแอลง และอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ที่ลดลงตามฤดูกาล เรายังคงคำแนะนำ NEUTRAL สำหรับ TTB และคงราคาเป้าหมายไว้ที่ 1.85 บาท เนื่องจาก valuation แพงกว่าหุ้นธนาคารอื่นๆ 1Q67: ผิดคาดเล็กน้อยเพราะ ECL TTB รายงานกำไรสุทธิ 1Q67 จำนวน 5.33 พันลบ. (+10% QoQ, +24% YoY) ต่ำกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ 8% แต่สูงกว่า consensus คาด 4% กำไรที่ออกมาผิดคาดหลักๆ เกิดจากการตั้ง ECL มากกว่าคาด เนื่องจากธนาคารตั้งสำรองพิเศษ management overlay แม้ว่า NPL ลดลง เราสรุปประเด็นสำคัญได้ดังนี้ คุณภาพสินทรัพย์: NPL ลดลง 3% QoQ ถ้านำยอดตัดหนี้สูญบวกกลับเข้ามา NPL จะเพิ่มขึ้น 2% QoQ ชะลอตัวลงจากที่เพิ่มขึ้น 11% QoQ ใน 4Q66 credit cost ลดลง 122 bps QoQ (+30 bps YoY) สู่ 1.55% สูงกว่าเป้าทั้งปี 2567 ที่ธนาคารวางไว้ที่ 1.25-1.35% จากการตั้งสำรองพิเศษ management overlay จำนวน 602 ลบ. LLR coverage เพิ่มขึ้นจาก 155% ณ 4Q66 สู่ 167% การเติบโตของสินเชื่อ: -1% QoQ, -3% YoY NIM: -16 bps QoQ เนื่องจากอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้ลดลง 4 bps QoQ และต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้น 15 bps QoQ Non-NII: -3% QoQ (-3% YoY) โดยมีสาเหตุมาจากรายได้ค่าธรรมเนียมที่ลดลง รายได้ค่าธรรมเนียมลดลง 7% QoQ (-4% YoY) หลักๆ เกิดจากรายได้ค่าธรรมเนียม bancassurance ที่ลดลงหลังจากมีการปรับเปลี่ยนระยะเวลาการรับรู้รายได้ค่าธรรมเนียมการเข้าถึงช่องทางการให้บริการของธนาคาร (access fee) จาก 15 ปี เป็น 20 ปี อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้: -253 bps QoQ (-33 bps YoY) สู่ 13% opex ลดลง 9% QoQ (+4% YoY) แนวโน้มปี 2567 กำไร 1Q67 คิดเป็น 26% ของประมาณการกำไรเต็มปีของเรา เราคาดว่ากำไรปี 2567 จะเพิ่มขึ้น 12% ซึ่งเป็นผลมาจากสินเชื่อในระดับทรงตัว NIM ที่หดตัวลง 7 bps credit cost ที่ลดลง 29 bps non-NII ที่ลดลง 2% และอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย คงคำแนะนำ NEUTRAL และคงราคาเป้าหมายไว้ไม่เปลี่ยนแปลง เรายังคงคำแนะนำ NEUTRAL สำหรับ TTB และคงราคาเป้าหมายไว้ที่ 1.85 บาท (PBV ปี 2567 ที่ 0.75 เท่า) เนื่องจากเรามองว่า valuation ของ TTB แพงกว่าหุ้นธนาคารอื่นๆ ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ: 1) ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์จากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวไม่ทั่วถึงและเศรษฐกิจโลกชะลอตัว 2) ราคารถมือสองลดลงหลังจากการรุกเข้ามาของรถ EV และ 3) การขยายสินเชื่อได้ช้ากว่าคาดเนื่องจากความต้องการสินเชื่อชะลอตัวและการแข่งขันสูง |
|||
ท่านสามารถอ่านและดาวน์โหลดเอกสารได้จาก TTB240422_T
|