อ่อนตัว กังวลโหวตเลือกนายกฯ |
แนวโน้มตลาดวันนี้ |
คาด SET กลับมาอ่อนตัว โดยมีปัจจัยกดดันจากความกังวลโหวตเลือกนายกฯ ในสัปดาห์หน้า กระตุ้นแรงขายลดความเสี่ยง หลังดัชนีปรับขึ้นมาก่อนหน้านี้ ด้านแนวรับอยู่ที่ 1495 จุด และจุดสำคัญอยู่ที่บริเวณ 1479 จุด หากต่ำกว่า จะเป็นสัญญาณลบในภาพรวม ด้านกรอบบนถูกจำกัดที่แนวต้าน 1515-1520 จุด |
ประเด็นสำคัญ |
• รายงานการประชุม Fed ระบุ คกก. ส่วนใหญ่คาดว่าจะปรับขึ้น ดบ. อีกในปีนี้ หลังจากที่ Fed ตรึง ดบ. ในการประชุม มิ.ย. ที่ผ่านมา• สหรัฐรายงานยอดสั่งซื้อภาคโรงงาน พ.ค. เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 5 แต่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด• จีนรายงานดัชนี PMI ภาคบริการ มิ.ย. ปรับตัวลง MoM เป็นการขยายตัวที่ช้าที่สุดในรอบ 5 เดือน• อุตุนิยมวิทยาโลกเตือนปรากฏการณ์เอลนีโญเริ่มขึ้นแล้ว และเพิ่มโอกาสมากยิ่งขึ้นที่จะส่งผลให้อุณหภูมิทำสถิติสูงสุด และอากาศร้อนจัดในหลายพื้นที่ของโลกและในมหาสมุทร• พาณิชย์รายงานอัตราเงินเฟ้อ มิ.ย. +0.23%YoY ชะลอตัวลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 ต่ำสุดในรอบ 22 เดือน ตามราคาสินค้า-พลังงานที่ลดลง• กกร. คงเป้า GDP ปีนี้ที่ 3-3.5% แต่ปรับเป้าส่งออกปีนี้ลงมาที่ -2 ถึง 0% ตาม ศก. โลกที่ชะลอลงมากขึ้นใน 2H66 และภาคบริการชะลอลงในกลุ่มประเทศ ศก. หลักทั้งสหรัฐ EU ญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังปรับกรอบเงินเฟ้อลงมาที่ 2.2-2.7%• ปธ. สภาฯ กำหนดวันลงมติเลือกนายกฯ 13 ก.ค. นี้ โดยหากเลือกครั้งแรกไม่ได้ ก็ต้องนัดประชุมใหม่ ซึ่งจะเสนอคนเดิมหรือคนใหม่ก็ได้ |
กลยุทธ์การลงทุน |
แม้ SET มีโอกาสฟื้นตัว แต่จะมี Upside จำกัด เนื่องจากมีความเสี่ยงต้องจับตาทั้งจากสถานการณ์การเมืองไทยหลังเตรียมเปิดประชุมผู้แทนราษฎรนัดแรก (4 ก.ค.), การไหลออกของ Fund Flow จากตลาดการเงินทำให้เงินบาทอ่อนค่าซึ่งอาจกระทบต่อการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ อีกทั้งภาพตลาดโลกยังกังวลธนาคารกลางหลายแห่งยังส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องซึ่งจะกดดันเศรษฐกิจโลกถดถอย ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” |
ล็อคเป้าลงทุน |
Weekly Portfolio : มองความเสี่ยงทั้งในและต่างประเทศยังกดดันการลงทุนทำให้ SET มี Upside จำกัด กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้1. หุ้นที่คาดผลการดำเนินงาน 2Q66 จะยังเติบโตได้ดี YoY เลือก AOT BBL ADVANC MINT OSP BDMS BEM2. หุ้นพื้นฐานดีซึ่งคาดยังมีศักยภาพจ่ายเงินปันผลสูง โดยคาดให้ Div. Yield ปี 2023 มากกว่าปีละ 5% เลือก TISCO LH AP3. หุ้นสู้วิกฤติ ซึ่งคาดราคาจะทยอยฟื้นตัวได้ดีใน 1 เดือน หลังปรับตัวลงมาแรงเนื่องจากสิ้นสุดการเลือกตั้งไทยเมื่อวันที่ 14 พ.ค. 66 เลือก BH BTS CHG CPALL4. หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากเงินบาทยังมีแนวโน้มอ่อนค่า เลือก AH NYT ERWขณะที่ช่วงสั้นแนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุนสำหรับ 1) หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า และกลุ่ม PTT ออกไปก่อน เนื่องจากมีความเสี่ยงหรือความไม่ชัดเจนของโครงสร้างราคาพลังงานจากนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ และ 2) หุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากปรากฎการณ์เอลนีโญ ได้แก่ กลุ่มพาณิชย์ (GLOBAL) กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG มีต้นทุนน้ำตาลสูง) กลุ่มโรงไฟฟ้าพลังน้ำ (CKP) รวมถึงกลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF GFPT) |
Daily Focus |
ADVANC มองภาพรวมการแข่งขันในธุรกิจโทรศัพท์มือถือยังคงมีสัญญาณที่ดูดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดย 2Q66 คาดกำไรจะสามารถกลับมาเติบโตทั้ง QoQ และ YoY อีกทั้งบริษัทเตรียมที่จะจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลหลังงบ 2Q66 ออก โดยคาดจะอยู่ที่ 3.5 บาทต่อหุ้นBEM การเปิดให้บริการโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองเต็มรูปแบบจะเป็นปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้นในระยะสั้น ขณะที่ 2Q66 และ 3Q66 คาดกำไรจะดีขึ้น QoQ และ YoY จากปริมาณรถที่ใช้ทางด่วนและจำนวนผู้โดยสาร MRT ที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งจะมีบันทึกเงินปันผลจาก TTW และ CKP |
บทวิเคราะห์วันนี้ |
AEONTS – 1QFY66: ผลประกอบการแย่กว่าที่คาดไว้มากเพราะ ECLTU – พรีวิว 2Q66: อีกไตรมาสที่อ่อนแอ |