Upside จำกัด ต่ำกว่า 1530 เป็นลบ |
แนวโน้มตลาดวันนี้ |
คาด SET ในระยะสั้นมี Upside จำกัดบริเวณแนวต้าน 1542 และ 1550 จุด ตามลำดับ หลังตลาดขาดปัจจัยหนุนใหม่ และยังติดตามการเจรจาขยายเพดานหนี้ที่ยังไม่ได้ข้อสรุปก่อนถึงเส้นตายในวันที่ 1 มิ.ย. ด้านแนวรับอยู่ที่ 1530 จุด เป็นจุดติดตาม หากต่ำกว่า จะเริ่มเห็นการชะลอตัวชัดขึ้น และมีแนวรับถัดไปที่ 1523 จุด |
ประเด็นสำคัญ |
• สศอ. ระบุ EU เตรียมใช้มาตรการภาษีคาร์บอนก่อนเข้าพรมแดน 1 ต.ค.นี้ คาดอุตสาหกรรมพลาสติก เหล็ก อะลูมิเนียมรับผลกระทบมากสุด แนะนำผู้ประกอบการไทยปรับตัว-ขยายตลาดส่งออก• EEC คาด รฟท. ส่งมอบพื้นที่โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ภายใน ต.ค.นี้ รอแจ้งเอกชนเริ่มก่อสร้างได้ภายในปีนี้• ฟิทช์ เรทติ้งส์ระบุอันดับความน่าเชื่อถือของไทยมีความเสี่ยงลดลงหากจัดตั้งรัฐบาลใหม่ล่าช้า และรัฐบาลมีสัดส่วนหนี้ภาครัฐสูงขึ้น• พาณิชย์ปรับกลยุทธ์หนุนการส่งออกไทย 2H66 คาดสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอีก 1.9 หมื่นลบ. ขณะที่ภาคเอกชนกังวลต้นทุนเพิ่ม ทั้งค่าแรง ค่าไฟ เงินบาทแข็ง กระทบผู้ส่งออก• สหรัฐรายงาน GDP 1Q66 (ประมาณการครั้งที่ 2) ขยายตัว 1.3% สูงกว่าคาดที่ 1.1% และสูงกว่าประมาณการครั้งที่ 1 ที่ระดับ 1.1% ขณะที่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกสัปดาห์ที่แล้วเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด• ฟิทช์ เรทติ้งส์ เตือนสหรัฐถูกลดอันดับเครดิต หากขยายเพดานหนี้ไม่ได้ก่อนเส้นตาย 1 มิ.ย.• รองนายกฯ รัสเซียระบุไม่สนับสนุนให้ OPEC+ ปรับลดกำลังการผลิตเพิ่มเติมในการประชุม 4 มิ.ย. หลังสมาชิกบาง ปท. ประกาศปรับลดกำลังการผลิตโดยสมัครใจเมื่อเดือนที่แล้ว |
กลยุทธ์การลงทุน |
มอง SET ยังคงผันผวนตามสถานการณ์จัดตั้งรัฐบาลใหม่ โดยระดับการฟื้นตัวจะขึ้นอยู่กับเสถียรภาพของรัฐบาลใหม่ ซึ่งคงต้องติดตามต่อไป โดยเฉพาะช่วงเดือน ส.ค. ซึ่งคาดจะมีการเปิดประชุมสภาเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีไทย นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงที่ต้องติดตามจากประเด็นเพดานหนี้ รวมทั้งฐานะการเงินของธนาคารขนาดกลางและเล็กของสหรัฐฯ กลยุทธ์จึงแนะนำให้ “Selective Buy” |
ล็อคเป้าลงทุน |
Weekly Portfolio : แม้ช่วงสั้น SET มีโอกาสฟื้นตัวหลังผ่านพ้นการเลือกตั้งไปแล้ว แต่ยังต้องติดตามเสถียรภาพของการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ซึ่งอาจกดดันให้ SET ผันผวนได้ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้1. หุ้น Best of the best ซึ่งมีพื้นฐานแข็งแกร่ง มีกำไรในปี 2566-67 เติบโตเฉลี่ยสูงกว่ากำไรของกลุ่มหุ้นที่เราแนะนำ Outperform และ Valuation ไม่แพง โดยซื้อขายด้วย PER และ PBV เฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ที่บริเวณ -1.0 ถึง -2.0 S.D. จึงมองเป็นโอกาสซื้อสะสม เลือก AU BBL BDMS CPALL2. หุ้นที่คาดหวังจะได้ประโยชน์จากนโยบายทั้งเศรษฐกิจแบบดั้งเดิม (Old Economy) และแบบเศรษฐกิจใหม่ (New Economy) เลือก MAKRO MINT ADVANC BDMS EA AHขณะที่ช่วงสั้นแนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุนออกไปก่อนสำหรับ 1) หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า และกลุ่ม PTT ออกไปก่อน เนื่องจากมีความเสี่ยงหรือความไม่ชัดเจนของโครงสร้างราคาพลังงานจากนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ 2) หุ้นที่คาดได้รับผลกระทบเชิงลบอย่างมีนัยฯ จากนโยบายการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำของรัฐบาลใหม่ ได้แก่ KEX กลุ่มอสังหา (LPN SIRI PSH QH) กลุ่มอาหาร (ZEN CPF GFPT TU) และ 3) หุ้นที่ราคาปรับตัวขึ้นมาสูงกว่าโควิด-19 และเราแนะนำ Underperform เลือก KTC ASP MST THRE AAV SAT |
Daily Focus |
MAKRO มองมีปัจจัยกระตุ้นราคาในระยะสั้น คือ การเข้าคำนวณดัชนี MSCI Global Standard Indexes (ใช้ราคาปิด 31 พ.ค.) ขณะที่กำไร 2Q66 คาดเติบโต YoY และจะปรับตัวดีขึ้น HoH ใน 2H66 จากดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงKBANK มองได้ผลบวกจากการลงนาม MOU ของพรรคการเมืองซึ่งมีแผนให้ SMEs กลับมาเติบโต ขณะที่ปี 2566 คาดกำไรจะเติบโต 8%YoY จากสินเชื่อที่เติบโต 5% NIM ที่ขยายตัว 16 bps รวมถึง credit cost, non-NII และอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ในระดับทรงตัว |
บทวิเคราะห์วันนี้ |
MAKRO – การดำเนินงานปรับตัวดีขึ้นตามคาดใน 2Q66TDOR – มีแรงหนุนจากค่าการตลาดที่ดีขึ้น |