สะสมพลังก่อน แต่ภาพรวมยังดี |
แนวโน้มตลาดวันนี้ |
SET ยังไม่ผ่านจุดสูงเดิมบริเวณ 1562 จุด ทำให้สัญญาณเทคนิคมีแนวโน้มชะลอตัวได้อยู่ โดยมีแนวรับที่ 1550 และ 1540 จุด ตามลำดับ เป็นจุดรองรับ อย่างไรก็ตาม ในภาพรวม ดัชนียังมีสัญญาณที่ดีต่อการปรับขึ้นได้ต่อ โดยหากขึ้นทะลุผ่าน 1562 จุด จะเป็นสัญญาณบวกต่อ และมีแนวต้านถัดไปที่ 1570 จุด |
ประเด็นสำคัญ |
• ม. หอการค้าไทยคาดการเมืองเริ่มนิ่งส่งผล GDP ไทยฟื้นตัวตั้งแต่ 4Q66 ขณะที่นโยบายแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท ใช้งบ 5 แสนลบ. เกิดการหมุนเงินในระบบ 1.5 ล้านลบ. หนุน GDP ปี 2567 โต 5-7%• ปธ. Fed กล่าวในการประชุมแจ๊กสัน โฮลว่า Fed จะตัดสินใจอย่างระมัดระวังว่าจะปรับขึ้น ดบ. ต่อไป หรือจะคง ดบ. ในระดับสูง โดยจะประเมินข้อมูล ศก. ที่ได้รับ แต่ไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะลด ดบ. ลง• เยอรมนีรายงาน GDP 2Q66 หดตัว 0.2%YoY และทรงตัว QoQ จากการชะลอตัวของภาคการผลิต ขณะที่ผลสำรวจความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเยอรมนีลดลงใน ส.ค. เป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน• บริษัทเบเกอร์ ฮิวจ์ส ซึ่งให้บริการด้านพลังงานระบุว่า บรรดาบริษัทพลังงานของสหรัฐปรับลดจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันลงในเดือน ส.ค. เป็นเดือนที่ 9 ติดต่อกัน• เกิดเหตุเพลิงไหม้ที่ถังเก็บ Naphtha ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นน้ำมันดิบที่โรงกลั่นของบริษัทมาราธอน ปิโตรเลียมในแกรีวิลล์ รัฐลุยเซียนา ส่งผลราคาดีเซลปรับขึ้น 5%YoY เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา• จีนประกาศลดภาษีอากรแสตมป์สำหรับการซื้อขายหุ้นในประเทศลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2551 โดยปรับลดจากอัตราปัจจุบันที่ 0.1% เหลือ 0.05% เพื่อฟื้นฟูตลาดหุ้นจีนที่กำลังซบเซา ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 28 ส.ค. นี้ |
กลยุทธ์การลงทุน |
มอง SET แกว่งตัวในกรอบ 1550-1600 จุด หลังการเมืองไทยชัดเจนขึ้น โดยคาดภายหลังการจัดตั้ง ครม. ใหม่จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาช่วยหนุนบรรยากาศลงทุนและ Fund Flow แต่อย่างไรก็ดี เรายังคงกังวลภาพรวมเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะจีน ซึ่งอาจกดดัน Upside ของ SET ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยเฉพาะตัว |
ล็อคเป้าลงทุน |
Weekly Portfolio : มอง SET มีแรงหนุนจากความคาดหวังเชิงบวกต่อการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ แต่ Upside ยังจำกัดจากความเสี่ยงเรื่องการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ดังนี้1) หุ้นที่เหมาะลงทุนระยะกลาง แนะนำ 8 หุ้นเด่นใน 4 อุตสาหกรรม ซึ่งคาด 2H66 กำไรจะเติบโต HoH และ YoY เลือก PTT BCP KCE HANA BDMS BCH AOT ERW2) หุ้นเก็งกำไรที่คาดได้อานิสงส์จากนโยบายเศรษฐกิจทำทันทีหลังพรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาล เลือก กลุ่มค้าปลีก อาหารและเครื่องดื่ม (TNP CPALL CPAXT BJC OSP HTC) ซึ่งนโยบายแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท พักหนี้เกษตรกรและธุรกิจเฉพาะ รวมทั้งลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน จะทำให้กำลังซื้อภาคครัวเรือนดีขึ้น ช่วยหนุนการเติบโตของยอดขาย3) หุ้นเก็งกำไรที่คาดได้อานิสงส์ Fund Flow ไหลกลับ เลือก KBANK GULF CRC BGRIMขณะที่ระยะกลางแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากปรากฎการณ์เอลนีโญที่จะกระทบต่อกำลังซื้อภาคเกษตรลดลง ได้แก่ กลุ่มพาณิชย์ (GLOBAL) กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY) รวมถึงกลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF GFPT) |
Daily Focus |
KTB 3Q66 คาดกำไรจะเพิ่มขึ้น 22% YoY (NII สูงขึ้น) และ 2% QoQ (NII สูงขึ้น, ECL สูงขึ้น, opex สูงขึ้น) ขณะที่ทั้งปี 2566 คาดกำไรจะเติบโต 22%YoY อีกทั้งมองจะเป็นธนาคารที่มี NIM ขยายตัวมากที่สุดและมีความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ต่ำกว่าธนาคารอื่นๆTOP 2H66 คาดกำไรจะปรับตัวดีขึ้น HoH จาก market GRM ที่ดีขึ้น แรงหนุนจาก crack spread ของน้ำมันดีเซลและน้ำมันอากาศที่สูงขึ้นท่ามกลางอุปสงค์ตามฤดูกาลที่แข็งแกร่งและสินค้าคลังต่ำทั่วโลก ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ก็จะกว้างขึ้นเช่นกัน |
บทวิเคราะห์วันนี้ |
KTB (High Conviction) – NIM ขยายตัวมากที่สุด, valuation น่าสนใจ |