แนวโน้มตลาดวันนี้
คาด SET เคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 1610-1630 จุด โดยตลาดขาดปัจจัยใหม่ กำหนดทิศทาง และวอลุ่มซื้อขายเบาบาง ด้านทิศทางการเคลื่อนไหว รอการ break out จากกรอบจะมีทิศทางที่ชัดขึ้น โดยแนวต้านถัดไปอยู่ที่ 1640 จุด ส่วนแนวรับถัดไปอยู่ที่ 1590-1600 จุด
ประเด็นสำคัญ
• EU ยกเลิกประชุมหาฉันทามติกำหนดเพดานราคาน้ำมันรัสเซีย หลังสมาชิกบางส่วนมีความเห็นไม่ตรงกัน
• การประท้วงนโยบายโควิดเป็นศูนย์ของจีนลามหลายเมือง ส่วนการประท้วงคนงานฟ็อกซ์คอนน์ที่เจิ้งโจวคาดกระทบการผลิต iPhone กว่า 30% ทำให้ตัวเลขจัดส่งเดือน พ.ย. อาจลดลงกว่าคาดการณ์ไว้ก่อนหน้า
• กพช. มีมติตรึงค่าไฟฟ้า ม.ค.-เม.ย.66 ผู้ที่ใช้ไฟไม่เกิน 500 หน่วย และขอความร่วมมือ PTT แบ่งรายได้ 1.5 พันลบ. 4 เดือน ให้ส่วนลดค่าก๊าซฯ กฟผ. และให้คิดราคาก๊าซฯ สำหรับโรงไฟฟ้าเท่าอัตราปัจจุบัน
• ก.พาณิชย์เห็นชอบต่ออายุยกเว้นเก็บภาษีเอดีเหล็กกระป๋องอีก 6 เดือน (ถึง พ.ค.66) หลังจากการยกเว้นการเก็บภาษีดังกล่าวได้สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 12 พ.ย.65 นับเป็นการต่ออายุยกเว้นเก็บภาษีเป็นครั้งที่ 3
• ธปท. หนุนภาคการเงินช่วยเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น แต่ต้องไม่เร็วเกินไปจนปรับตัวไม่ทันจนเกิดฟองสบู่สีเขียวขึ้น
• AOT คาดประชุม ครม. พรุ่งนี้ พิจารณาโครงการสนามบินดอนเมือง เฟส 3 วงเงิน 3.68 หมื่นลบ. เร่งประมูลสร้างอาคาร ผดส. 3 ปลายปี 66 รองรับ 40 ล้านคน/ปี เสร็จสมบูรณ์ปี 72
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET ยังอยู่ในช่วงพักตัวและคงเคลื่อนไหวในกรอบ 1600-1640 จุด หลังตลาดยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ๆ มาหนุนบรรยากาศลงทุน ดังนั้นกลยุทธลงทุนจึงแนะนำเป็น “Selective Buy” โดยเน้นรอจังหวะเข้าซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว
ล็อคเป้าลงทุน
Weekly Portfolio : ช่วงสั้นมองตลาดยังขาดปัจจัยหนุนใหม่ จึงแนะนำ Selective Buy โดยเน้นรอจังหวะเข้าซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว ในธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1) หุ้นที่คาดโมเมนตัมกำไร 4Q65 เติบโตแข็งแกร่ง YoY และ QoQ เลือก BBL GULF MAKRO CRC SPALI AOT
2) หุ้นเก็งกำไรที่คาดได้อานิสงส์จากเทศกาลฟุตบอลโลก (20 พ.ย.-18 ธ.ค. 65) และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ เลือก CPALL CENTEL MINT
ช่วงสั้นแนะนำให้หลีกเลี่ยงหรือเพิ่มความระมัดระวังการลงทุน สำหรับกลุ่มที่มีปัจจัยลบกดดันผลประกอบการ และ/หรือ ราคาหุ้น ดังนี้
1) หุ้นที่คาดถูกนำออก SET50 ซึ่งจะประกาศ 16 ธ.ค. 65 และมีผลบังคับใช้ใน 1H66 อาทิ BLA IRPC KCE SAWAD (SET100 ที่คาดถูกนำออก MAJOR STEC SUPER SYNEX TASCO TTA)
2) หุ้นอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งคาดได้รับผลกระทบจากบาทแข็งค่าและผลประกอบการหุ้นเทคโนโลยีของโลกมีแนวโน้มอ่อนแอต่อใน 4Q65
3) หุ้นเดินเรือ ซึ่งคาดได้รับผลกระทบจากอุปทานเรือใหม่ที่เข้ามาและอุปสงค์การขนส่งสินค้าเริ่มชะลอตัวลง
Daily Focus
BGRIM 4Q65 คาดผลการดำเนินงานจะปรับตัวดีขึ้น แรงหนุนจากต้นทุนก๊าซที่ลดลง และการปรับค่า Ft เป็น 0.9343/kWh เต็มไตรมาส รวมทั้งคาดโรงไฟฟ้า SPP แห่งใหม่ภายใต้โครงการโรงไฟฟ้าทดแทน (SPP replacement scheme) จะช่วยสนับสนุนได้บางส่วน
HMPRO 4Q65 คาดจะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี 2565 โดยจะเติบโต YoY แรงหนุนจาก SSS ที่เติบโตดีขึ้น มาร์จิ้นที่กว้างขึ้นจากการมีสัดส่วนยอดขายที่ดีขึ้น และรายได้ค่าเช่าที่สูงขึ้น และ QoQ จากปัจจัยฤดูกาล