เป้าหมายถัดไปที่จุดสูงเดิม 1610-1615 จุด |
แนวโน้มตลาดวันนี้ |
มอง SET ในภาพรวมยังมีโมเมนตัมสำหรับการปรับขึ้นได้ต่อ โดยมีเป้าหมายถัดไปบริเวณจุดสูงเดิม 1610-1615 จุด แม้อาจมีการย่อสลับบ้างตามกลุ่มพลังงานที่อ่อนตัวตามราคาน้ำมัน และความผันผวนจากการสวิงของหุ้น DELTA อย่างไรก็ตาม หากไม่ต่ำกว่ากรอบล่างแนวรับ 1580-1590 จุด ยังเป็นสัญญาณที่ดี |
ประเด็นสำคัญ |
• BoE กำลังพิจารณาที่จะปฏิรูปโครงการค้ำประกันเงินฝากครั้งใหญ่ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าประชาชนและภาคธุรกิจจะสามารถเข้าถึงเงินสดได้รวดเร็วขึ้น หากธนาคารล้มละลาย• ติดตามการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทชั้นนำของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดย Bank of America จะรายงานผลประกอบการในคืนนี้ และ Morgan Stanley จะรายงานผลประกอบการในวันพรุ่งนี้• ปธ. ECB เตือนความบาดหมางสหรัฐฯ-จีน จะส่งผลให้ ศก. โลกอ่อนแอและภาวะเงินเฟ้อพุ่งสูง ขณะที่ จนท. ECB แสดงความเห็นว่า ECB จำเป็นต้องขึ้น ด.บ. ต่อเนื่อง หลังเงินเฟ้อพื้นฐาน มี.ค. สูงสุดเป็นประวัติการณ์• จับตาจีนรายงาน GDP 1Q66 วันนี้ คาด +4.0%YoY เติบโตเร็วสุดตั้งแต่ 1Q65 อานิสงส์การเปิดประเทศหลังยกเลิกนโยบายโควิดเป็นศูนย์ และสูงกว่า 2.9%YoY ใน 4Q65• สหรัฐระบุมีความเสี่ยงภาวะเอลนีโญมากขึ้น โดยคาดปีนี้จะมีพายุลดลงต่ำสุดในรอบ 4 ปี• AOT ระบุช่วงเทศกาลสงกรานต์มีจำนวนผู้โดยสารเดินทางกว่า 2.37 ล้านคน เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ โดยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีจำนวนผู้โดยสารเกินกว่าแสนคนต่อวัน |
กลยุทธ์การลงทุน |
ช่วงสั้นมอง SET จะเคลื่อนไหว Sideways อยู่ในกรอบระหว่าง 1580-1620 เนื่องจากตลาดยังขาดปัจจัยหนุนใหม่ และรอดูผลประกอบการ 1Q66 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ไทยที่จะทยอยประกาศในสัปดาห์นี้ อีกทั้งมุมมองที่แตกต่างระหว่างเฟดและตลาดเกี่ยวกับการปรับขึ้นดอกเบี้ยอาจนำไปสู่ความผันผวนของตลาดในระยะถัดไป ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนแนะนำ “Selective Buy” |
ล็อคเป้าลงทุน |
Weekly Portfolio : มอง SET จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 1580-1620 หลังยังขาดปัจจัยหนุนใหม่ และรอดูผลประกอบการ 1Q66 ของกลุ่ม ธพ. ไทยที่จะทยอยประกาศในสัปดาห์นี้ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้1. หุ้น Best of the best ภายใต้วิกฤติการเงินในสหรัฐและยุโรป ซึ่งมีพื้นฐานและฐานะการเงินแข็งแกร่ง มีกำไรในปี 2566-67 เติบโตเฉลี่ยสูงกว่ากำไรของกลุ่มหุ้นที่เราแนะนำ Outperform และ Valuation ไม่แพง โดยซื้อขายด้วย PER และ PBV เฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ที่บริเวณ -1.0 ถึง -2.0 S.D. ทำให้คาด Downside เริ่มจำกัด จึงมองเป็นโอกาสซื้อสะสม เลือก AU BBL BDMS CPALL GULF2. หุ้นที่มีสถิติให้ผลตอบแทนดีหากซื้อวันแรกหลังเปิดสงกรานต์และขายปลายเดือน เม.ย. โดยคัดเลือกหุ้นที่เราแนะนำ Outperform และมีปัจจัยบวกหนุน ได้แก่ กลุ่มพลังงาน เลือก PTT BCP ซึ่งคาดได้อานิสงส์ราคาน้ำมันฟื้นตัวและค่าการกลั่นเข้าสู่ High Season, กลุ่มค้าปลีก เลือก HMPRO หลังอุปสงค์เครื่องใช้ไฟฟ้ากลุ่มให้ความเย็นปรับตัวดีขึ้นจากภาวะอากาศร้อนจัด และหุ้นปันผล เลือก AP KKP KTB LH ซึ่งจะขึ้น XD ในช่วงกลาง เม.ย.-ต้น พ.ค. นี้ |
Daily Focus |
KTB 1Q66 คาดกำไร 9.2 พันลบ. เพิ่มขึ้น 5%YoY และ 14%QoQ อีกทั้งมองได้ประโยชน์มากที่สุดจากภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น มีความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ต่ำกว่าธนาคารอื่นๆ และ Valuation น่าสนใจ ทั้งนี้วันนี้ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงจากขึ้น XD มองเป็นโอกาสซื้อลงทุนCPALL 1Q66 คาดกำไรปกติที่ 3.8 พันลบ. เพิ่มขึ้น 10%YoY และ 26%QoQ อีกทั้งมองมีปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้นในระยะถัดไป คือ การรีไฟแนนซ์หนี้สกุลดอลลาร์สหรัฐของ MAKRO ผ่านการออกหุ้นกู้สกุลบาทซึ่งจะทำให้ต้นทุนการเงินลดลง หนุนให้กำไรปรับขึ้นได้อีก |
บทวิเคราะห์วันนี้ |
BDMS – พรีวิว 1Q66: บริการผู้ป่วยชาวต่างชาติแข็งแกร่ง |