ฟื้นได้สั้นๆ แต่ภาพรวมยังถูกจำกัด |
แนวโน้มตลาดวันนี้ |
มอง SET ฟื้นตัวได้เพียงในช่วงสั้น โดยถูกจำกัดที่กรอบบนบริเวณแนวต้าน 1563 และ 1570 จุด ตามลำดับ เนื่องจากสัญญาณเทคนิคโดยรวมยังเป็นลบ และยังไม่แสดงสัญญาณการกลับตัว ด้านแนวรับอยู่ที่ 1550 จุด หากต่ำกว่าเป็นลบต่อ และมีแนวรับถัดไปที่ 1543 จุด |
ประเด็นสำคัญ |
• บอร์ด กกพ. มีมติปรับลดค่า Ft งวด พ.ค. - ส.ค. 66 เหลือ 4.70 บาท/หน่วย ตามข้อเสนอของ กฟผ. ในการยืดชำระหนี้ออกไป ส่วนค่าไฟงวด ก.ย. - ธ.ค. 66 ต้องรอดูปริมาณการผลิตก๊าซว่าเป็นไปตามแผนหรือไม่ ด้านรัฐบาลเตรียมขอใช้งบกลางไปช่วยอุดหนุนค่าไฟฟ้า• ธปท. เลื่อนออกเกณฑ์ Virtual bank เป็น 3Q66 และจะเปิดให้ยื่นขอใบอนุญาต 4Q66 เนื่องจากยังมีประเด็นคำถามต่างๆ ที่ยังไม่ชัดเจน นอกจากนี้คาด GDP 1H66 ขยายตัว 2.9% ส่วน 2H66 คาดโต 4.3%• ผู้ผลิตแผ่นวงจรพิมพ์ (PCB) และ supply chain กว่า 60 ราย หารือ BOI เตรียมแผนขยายลงทุนใช้ไทยเป็นฐานผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และแผ่นวงจรพิมพ์ส่งออกตลาดโลก• ยอดการนำเข้าน้ำมันดิบของจีนในเดือน มี.ค. เพิ่มขึ้น 22.5%YoY อยู่ที่ระดับ 52.3 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน มิ.ย. 2563• คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนจากการมุ่งเน้นกระตุ้น ศก. ไปสู่การปฏิรูปเมื่อ ศก. กลับมาเป็นปกติ• เงินฝาก First Republic Bank ลดลงกว่า 1 แสนล้านเหรียญ โดยทาง ธ. เตรียมแผนลดค่าใช้จ่ายด้วยการตัดค่าตอบแทนผู้บริหาร จัดสรรพื้นที่สำนักงานคืน และเลิกจ้างพนักงานเกือบ 20% - 25% ใน 2Q66 |
กลยุทธ์การลงทุน |
ช่วงสั้นมอง SET ยังมี Upside จำกัดและมีโอกาสอ่อนตัว เนื่องจากยังขาดปัจจัยหนุน และภาพรวมผลประกอบการ 1Q66 คาดยังมีแนวโน้มอ่อนแอ โดยที่หุ้นเทคโนโลยีและธนาคารเล็กของสหรัฐ รวมทั้ง บจ. ไทยที่จะออกมาสัปดาห์นี้มีโอกาสแย่กว่าคาด อีกทั้งมองนักลงทุนอยู่ระหว่างรอดูความชัดเจนทิศทางดอกเบี้ยจากการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 2-3 พ.ค. นี้ กลยุทธ์การลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” |
ล็อคเป้าลงทุน |
Weekly Portfolio : มอง SET ขาดปัจจัยหนุน และภาพรวมผลประกอบการ 1Q66 คาดยังมีแนวโน้มอ่อนแอ โดยที่หุ้นเทคโนโลยีและธนาคารเล็กของสหรัฐ รวมทั้ง บจ. ไทยที่จะออกมาสัปดาห์นี้มีโอกาสแย่กว่าคาด กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้1. หุ้น Best of the best ภายใต้วิกฤติการเงินในสหรัฐและยุโรป ซึ่งมีพื้นฐานและฐานะการเงินแข็งแกร่ง มีกำไรในปี 2566-67 เติบโตเฉลี่ยสูงกว่ากำไรของกลุ่มหุ้นที่เราแนะนำ Outperform และ Valuation ไม่แพง โดยซื้อขายด้วย PER และ PBV เฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ที่บริเวณ -1.0 ถึง -2.0 S.D. จึงมองเป็นโอกาสซื้อสะสม เลือก AU BBL BDMS CPALL GULF สำหรับนักลงทุนที่มีหุ้นอยู่แล้ว แนะนำ Let Profit Run2. หุ้นที่คาดผลการดำเนินงาน 1Q66 จะออกมาตามตลาดคาด และจะเป็นจุดต่ำสุดของปีนี้ หรือ ผลการดำเนินงานมีสัญญาณฟื้นตัวใน 2Q66 เลือก HMPRO ADVANC KCE MINT AOT OSP3. หุ้นปันผลดี ซึ่งปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งและราคาหุ้นยังมี Upside น่าสนใจเกิน 15% เลือก AP (XD 9 พ.ค. @0.65 บาท) และ LH (XD 8 พ.ค. @0.35 บาท) โดยคิดเป็น Div. Yield เกิน 3%ขณะที่มีกลุ่มหุ้นแนะนำ “ขายหรือหลีกเลี่ยงการลงทุนไปก่อน” เนื่องจากผลการดำเนินงานยังไม่สดใส และมีความเสี่ยงที่ต้องติดตาม ได้แก่ NRF LPN MST SAWAD QH KTC PSH THRE TCAP MTC KEX KISS TU CBG GFPT BTG BTS BEM JASIF SAT IIG NER |
Daily Focus |
OSP 1Q66 คาดกำไรสุทธิลดลง 11.2%YoY แต่เพิ่มขึ้น 98%QoQ จากอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้นและเงินปันผลจาก Unicharm ขณะที่ปี 2566 คาดกำไรสุทธิเติบโตสูง 43.8%YoY จากรายได้ฟื้นตัวและมาร์จิ้นดีขึ้นจากต้นทุนลดลงและทวงคืนส่วนแบ่งตลาดเครื่องดื่มบำรุงSCGP 1Q66 คาดกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 104%QoQ แตะ 917 ลบ. จากปริมาณขายกระดาษดีขึ้น และต้นทุนวัตถุดิบ (RCP) และถ่านหินลดลง ขณะที่ 2Q66 คาดกำไรฟื้นตัวต่อเนื่องจากความต้องการบรรจุภัณฑ์ฟื้นตัวกลับสู่ระดับปกติและต้นทุนโดยรวมลดลงอย่างต่อเนื่อง |
บทวิเคราะห์วันนี้ |
กลุ่มธนาคาร – รีวิว 1Q66: กำไรพิเศษสูงกว่าคาด, NIM ต่ำกว่าคาดBEM – พรีวิว 1Q66: คาดกำไรเติบโต QoQ และ YoYOSP – พรีวิว 1Q66: อัตรากำไรขั้นต้นฟื้นตัว |