สรุปสาระสำคัญ
หากพูดถึงกองทุน ETF (Exchange Traded Funds) คืออีกหนึ่งตัวเลือกที่ได้รับความนิยมจากนักลงทุนทั่วโลก ด้วยคุณสมบัติที่ผสมผสานข้อดีของหุ้นและกองทุนรวม ทำให้ ETF กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยกระจายความเสี่ยงและสร้างโอกาสการเติบโตของเงินทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในบทความนี้เราจะพานักลงทุนที่สนใจไปเจาะลึกทุกแง่มุมเกี่ยวกับ ETF ตั้งแต่ความหมาย วิธีลงทุน ความแตกต่างระหว่างหุ้นและกองทุนทั่วไป ไปจนถึงข้อดี ข้อควรระวัง เพื่อให้คุณเตรียมพร้อมก่อนเริ่มต้นลงทุนกัน
ETF คืออะไร ?
ETF หรือ Exchange Traded Funds คือกองทุนรวมชนิดหนึ่งที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เหมือนหุ้นสามัญ โดยมีการนำเงินของผู้ลงทุนหลายรายมารวมกันเพื่อลงทุนในตราสารต่าง ๆ ตามกลยุทธ์ที่กำหนดไว้ ไม่ว่าจะเป็นหุ้น พันธบัตร หรือสินค้าโภคภัณฑ์
กองทุน ETF ย่อมาจากอะไร ?
- Exchange = การแลกเปลี่ยน (ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์)
- Traded = การซื้อขาย (ซื้อขายได้ตลอดเวลาทำการ)
- Funds = กองทุน (รวมเงินลงทุนจากผู้ลงทุนหลายราย)
กองทุน ETF ในตลาดการเงินโลกและไทย
ตลาด ETF เริ่มต้นในสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 1993 และขยายตัวอย่างรวดเร็วไปทั่วโลก ส่วนในประเทศไทย กลต. อนุญาตให้จัดตั้ง ETF ครั้งแรกในปี 2549 โดยปัจจุบันมี ETF ให้เลือกลงทุนหลากหลายประเภทในตลาดทุนไทย
สำหรับตลาดสหรัฐอเมริกา มี ETF ให้เลือกกว่า 3,000 ตัว ครอบคลุมทุกอุตสาหกรรม ทุกภูมิภาค และทุกกลยุทธ์การลงทุน ทำให้นักลงทุนไทยสามารถเข้าถึงโอกาสการลงทุนระดับโลกได้ง่ายขึ้น
กองทุน ETF ต่างจากกองทุนแบบอื่นอย่างไร ?
ความแตกต่างหลักของกองทุน ETF คือ การซื้อขายแบบเรียลไทม์ในตลาดหลักทรัพย์ ขณะที่กองทุนรวมทั่วไปจะมีการซื้อขายเพียงวันละครั้งตามราคา NAV ณ สิ้นวัน นอกจากนี้ ETF ยังมีโปร่งใสในการเปิดเผยข้อมูลการลงทุนมากกว่าอีกด้วย
หลักการทำงานของกองทุน ETF
กองทุน ETF ลงทุนในอะไร ?
ETF สามารถลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภท
- ETF หุ้น: ลงทุนในหุ้นตามดัชนี เช่น S&P 500, NASDAQ 100
- ETF ตราสารหนี้: ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลและองค์กร
- ETF สินค้าโภคภัณฑ์: ลงทุนในทอง น้ำมัน หรือสินค้าเกษตร
- ETF อสังหาริมทรัพย์: ลงทุนใน REITs
- ETF สกุลเงิน: ลงทุนเพื่อป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน
กลไกการซื้อขาย ETF
การซื้อขายกองทุน ETF ทำงานผ่านกลไก Creation และ Redemption ที่ช่วยให้ราคาซื้อขาย ETF ใกล้เคียงกับมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ (NAV) โดย Authorized Participants (APs) จะทำหน้าที่สร้างและไถ่ถอนหน่วย ETF เมื่อมีความต้องการในตลาด
ความแตกต่างระหว่างกองทุน ETF กับหุ้นสามัญ
ความแตกต่างหลักระหว่างกองทุน ETF และหุ้นสามัญคือ ETF เป็นตะกร้าหลักทรัพย์ที่รวมหุ้นหลายตัวไว้ในกองทุนเดียว ในขณะที่หุ้นสามัญเป็นหุ้นของบริษัทเดียวเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ ETF จึงมีการกระจายความเสี่ยงในตัว แต่หุ้นสามัญจะมีความเสี่ยงที่ขึ้นอยู่กับผลงานของบริษัทนั้น ๆ โดยตรง
อีกทั้งกองทุน ETF ส่วนใหญ่ จะไม่จ่ายปันผลจากการดำเนินงานเหมือนหุ้นสามัญ และมูลค่าของ ETF จะขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของสินทรัพย์อ้างอิง เช่น ดัชนีหุ้น ส่วนหุ้นสามัญจะมีมูลค่าที่ขึ้นอยู่กับผลงานและแนวโน้มการเติบโตของบริษัทนั้น ๆ
ความแตกต่างระหว่าง ETF กับกองทุนรวมแบบดั้งเดิม
ข้อแตกต่างสำคัญคือ กองทุน ETF มีความยืดหยุ่นในการซื้อขายในมูลค่าสูงมากกว่า ทั้งยังสามารถซื้อขายได้ตลอดเวลาทำการตลาด รวมถึงมีค่าธรรมเนียมการจัดการที่ต่ำกว่า และยังมีความโปร่งใสในการเปิดเผยข้อมูลการลงทุนแบบรายวัน
เลือกกองทุน ETF แบบไหนดี ?
การเลือกลงทุนในกองทุน ETF ควรพิจารณาจากปัจจัยเหล่านี้เป็นสำคัญ
- เลือกตามนโยบายการลงทุน : ควรเลือกกองทุน ETF ให้เหมาะสมกับเป้าหมายและระดับความเสี่ยงของตนเอง เช่น ETF หุ้น (ลงทุนในหุ้นตามดัชนี) เหมาะสำหรับผู้ต้องการผลตอบแทนสูงแต่รับความเสี่ยงได้ ส่วน ETF ตราสารหนี้ (ลงทุนในพันธบัตร) เหมาะกับผู้ที่ต้องการความมั่นคง หรือ ETF สินค้าโภคภัณฑ์เพื่อกระจายความเสี่ยงเพิ่มเติม
- พิจารณาผลตอบแทนและ Tracking Error : ดูผลตอบแทนย้อนหลังและเปรียบเทียบกับดัชนีตัวชี้วัด เพื่อประเมินว่ากองทุนทำผลงานได้ใกล้เคียงกับดัชนีมากน้อยแค่ไหน
- ตรวจสอบค่าธรรมเนียม : เปรียบเทียบค่าธรรมเนียมรวม (Total Expense Ratio) เพราะแม้ ETF จะมีค่าธรรมเนียมต่ำกว่ากองทุนรวมทั่วไป แต่ต้องระวังค่าใช้จ่ายแอบแฝงเอาไว้ด้วย
- สภาพคล่องของกองทุน ETF : เลือก ETF ที่มีสภาพคล่องดี เพื่อให้สามารถซื้อขายได้ง่าย ราคาดี และไม่ติดปัญหาการขายออก
ETF ที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนไทย
- SPY : เป็นกองทุน ETF ที่ติดตามดัชนี S&P 500 ซึ่งรวมหุ้นขนาดใหญ่ 500 บริษัทในสหรัฐฯ เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการเน้นลงทุนในบริษัทขนาดใหญ่ที่มีประวัติการดำเนินงานมั่นคง
- VTI : เป็น ETF ที่ติดตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้งหมด (Total Stock Market) ครอบคลุมหุ้นขนาดใหญ่ กลาง และเล็กในหลายภาคส่วน ทำให้มีการกระจายการลงทุนที่กว้างกว่าการลงทุนใน SPY จึงช่วยลดความเสี่ยงได้ดีกว่า เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงโดยรวมตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้งหมด
- QQQ : เน้นลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีและบริษัทกลุ่ม Growth ที่มักมีศักยภาพการเติบโตสูง เช่น หุ้นใน NASDAQ-100 แต่มีความผันผวนสูงกว่ากองทุน ETF ที่เน้นหุ้นขนาดใหญ่ทั่วไป จึงเหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงและมองหาการเติบโตในระยะยาว
- TLT : เป็น ETF ที่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ระยะยาว (20 ปีขึ้นไป) ช่วยกระจายความเสี่ยงในพอร์ตที่เน้นหุ้น และมักใช้สำหรับลดความผันผวนของพอร์ตโดยรวม เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการความมั่นคงและรายได้จากดอกเบี้ยพันธบัตร

ข้อดีของการลงทุนในกองทุน ETF
- ความหลากหลายของสินทรัพย์ (Diversification) : การลงทุนใน ETF เดียวทำให้คุณเป็นเจ้าของส่วนแบ่งในหลักทรัพย์หลายร้อยตัว ช่วยลดความเสี่ยงจากการลงทุนในหุ้นตัวเดียว ตัวอย่างเช่น ETF ที่ติดตาม S&P 500 จะกระจายการลงทุนใน 500 บริษัทชั้นนำของสหรัฐฯ
- ต้นทุนค่าธรรมเนียมต่ำ : กองทุน ETF มักมี Expense Ratio ต่ำกว่ากองทุนรวมแบบ Active Management โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 0.03-0.75% ต่อปี ทำให้ผลตอบแทนสุทธิที่นักลงทุนได้รับสูงขึ้น
- ซื้อขายสะดวกเหมือนหุ้น : สามารถซื้อขาย ETF ได้ตลอดเวลาทำการตลาด มีความยืดหยุ่นในการเข้าออกจากการลงทุน และสามารถใช้คำสั่งซื้อขายแบบต่าง ๆ เช่น Stop Loss, Limit Order
- โปร่งใสและตรวจสอบได้ : ETF จะเปิดเผยข้อมูลการลงทุนแบบรายวัน ทำให้นักลงทุนทราบว่าเงินของตนไปลงทุนในอะไรบ้าง และสามารถติดตามประสิทธิภาพเปรียบเทียบกับดัชนีอ้างอิงได้
- เหมาะสำหรับนักลงทุนแบบ DCA หรือทยอยลงทุน : ETF รองรับการลงทุนแบบ Dollar Cost Averaging ได้ดี เนื่องจากสามารถซื้อในจำนวนเงินที่กำหนด ไม่จำเป็นต้องซื้อเป็นหน่วยครบ
ข้อควรระวัง/ข้อจำกัดของกองทุน ETF
- ความเสี่ยงจากความผันผวน : แม้ ETF จะมีการกระจายความเสี่ยง แต่ยังคงมีความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดโดยรวม โดยเฉพาะ ETF ที่ลงทุนในตลาดเกิดใหม่หรือสาขาที่มีความผันผวนสูง
- ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (สำหรับ ETF ต่างประเทศ) : การลงทุนใน ETF ต่างประเทศมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยน การแข็งค่าของเงินบาทอาจทำให้ผลตอบแทนที่แปลงเป็นเงินบาทลดลง
- ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ ETF : นักลงทุนบางรายอาจเข้าใจผิดว่า ETF ไม่มีความเสี่ยง หรือให้ผลตอบแทนเหมือนดัชนีอ้างอิงเสมอ แต่ความจริงแล้ว ETF ยังคงมีความเสี่ยงเหมือนกับการลงทุนอื่น ๆ และอาจมี Tracking Error ที่นักลงทุนต้องเจอ
- สภาพคล่องของ ETF ในบางช่วงเวลา : ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง ETF บางตัวอาจมีปัญหาสภาพคล่อง ทำให้ Bid-Ask Spread กว้างขึ้น
- ความรู้หรือประสบการณ์ที่ต้องมีเบื้องต้นสำหรับการลงทุน : การลงทุนใน ETF ต้องการความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับตลาดทุน จึงต้องหมั่นศึกษาหาข้อมูลทางการเงิน และการบริหารความเสี่ยงอย่างเหมาะสม
การเตรียมความพร้อมก่อนลงทุน ETF
1. ศึกษาเอกสารข้อมูลกองทุน
ก่อนลงทุนกองทุน ETF ควรศึกษา Fact Sheet, Prospectus และข้อมูลสำคัญ เช่น
- วัตถุประสงค์การลงทุนและกลยุทธ์
- ค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมต่าง ๆ
- ประสิทธิภาพและ Tracking Error
- ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง
2. วิเคราะห์เป้าหมายทางการเงินของตนเอง
กำหนดเป้าหมายการลงทุนให้ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการออมเพื่อเกษียณ การสะสมทุนการศึกษา หรือการสร้างความมั่งคั่งระยะยาว เพื่อเลือก ETF ที่เหมาะสมกับเป้าหมาย
3. วางแผนการลงทุนและบริหารความเสี่ยง
จัดสรรเงินลงทุนตามหลัก Asset Allocation ที่เหมาะสมกับอายุและระดับความเสี่ยงที่รับได้ แบ่งการลงทุนระหว่าง ETF ประเภทต่าง ๆ เพื่อสร้างสมดุล
4. การติดตามผลและปรับพอร์ตตามสถานการณ์
ทบทวนพอร์ตการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ ปรับสัดส่วนการลงทุนตาม Life Stage และสภาวะตลาด โดยไม่ควร Rebalancing บ่อยเกินไป
วิธีการลงทุนในกองทุน ETF
การเริ่มต้นลงทุนใน ETF อาจดูซับซ้อนสำหรับนักลงทุนมือใหม่ แต่ความจริงแล้วกระบวนการนี้ไม่ได้ยากอย่างที่คิด อีกทั้งปัจจุบันยังสามารถเข้าถึงการลงทุน ETF ในต่างประเทศได้สะดวกมากขึ้น ผ่านแอปพลิเคชันที่ออกแบบมาเพื่อรองรับนักลงทุนไทยโดยเฉพาะ ทำให้การลงทุน ETF ในตลาดต่างประเทศเป็นเรื่องง่ายและเข้าถึงได้สำหรับนักลงทุนทุกระดับ
ซึ่งสิ่งสำคัญของการลงทุน ETF ก็คือการเลือกโบรกเกอร์ที่ช่วยให้การลงทุนทำได้อย่างคล่องตัว อย่างการเลือกลงทุนกับ InnovestX ที่สามารถทำได้เพียงแค่ปลายนิ้ว
ขั้นตอนเริ่มต้นลงทุนในกองทุน ETF กับ InnovestX
ลงทุนในกองทุน ETF ได้ง่าย ๆ กับ InnovestX เพียง 3 ขั้นตอน ดังนี้
- ขั้นตอนที่ 1 : เตรียมตัวและเปิดพอร์ตซื้อขายหลักทรัพย์ เริ่มต้นด้วยการจัดเตรียมเอกสารสำคัญสำหรับการสมัครบัญชี ได้แก่ บัตรประจำตัวประชาชน (ฉบับจริง) และหนังสือเงินฝากธนาคาร จากนั้นสามารถดำเนินการสมัครได้อย่างสะดวกผ่านช่องทางออนไลน์
- ขั้นตอนที่ 2 : ดาวน์โหลดแอปและลงทะเบียน ติดตั้งแอป InnovestX บนสมาร์ตโฟนของคุณ จากนั้นทำการลงทะเบียนและสร้างบัญชีผู้ใช้ โดยกระบวนการจะแตกต่างกันเล็กน้อยขึ้นกับประเภทของลูกค้า หากเป็นลูกค้าใหม่ต้องมีเอกสารบัตรประชาชนและบัญชีธนาคาร ส่วนลูกค้าเดิมที่เคยใช้บริการธนาคารไทยพาณิชย์สามารถใช้ข้อมูลเดิมที่เคยลงทะเบียนไว้ได้
- ขั้นตอนที่ 3 : วางคำสั่งซื้อขาย เมื่อบัญชีพร้อมใช้งานแล้ว สามารถเริ่มซื้อขาย ETF ได้ทันที โดยกรอกข้อมูลที่ต้องการ เช่น รหัสย่อ ETF, จำนวนเงินหรือหน่วยที่ต้องการ, ประเภทคำสั่ง (Market/Limit), และยืนยันด้วย PIN ก่อนส่งคำสั่งเข้าสู่ระบบ
หลังจากที่ทำความเข้าใจเกี่ยวกับกองทุน ETF ตั้งแต่ความหมาย หลักการทำงาน วิธีการลงทุน ไปจนถึงข้อดีและข้อควรระวัง จะเห็นได้ว่า ETF เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เหมาะกับผู้ที่ต้องการกระจายความเสี่ยงและสร้างโอกาสในการเติบโตของเงินทุน เพราะมีความยืดหยุ่นและใช้ต้นทุนที่ต่ำกว่ากองทุนรวมทั่วไป
สำหรับนักลงทุนไทยที่สนใจลงทุนใน ETF สามารถเริ่มต้นเปิดพอร์ตได้ผ่านแอปพลิเคชัน InnovestX แอปลงทุนหุ้นอเมริกาและหุ้นต่างประเทศทั่วโลก พร้อมความรู้ด้านการลงทุนที่จะช่วยให้คุณนำไปวางแผนลงทุนให้เกิดประโยชน์สูงสุด
คำเตือน
*การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศโดยตรงมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน
ข้อมูลอ้างอิง:
- ข้อมูลลักษณะผลิตภัณฑ์ ETF. สืบค้นเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2568 จาก https://www.set.or.th/th/market/product/etf/introduction
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับกองทุน ETF (FAQ)
กองทุน ETF ลงทุนขั้นต่ำเท่าไร ?
การลงทุนใน ETF ผ่าน InnovestX นั้นไม่มีขั้นต่ำ สามารถเริ่มต้นได้ตั้งแต่ $1 สำหรับหุ้นเศษส่วน ทำให้นักลงทุนรายย่อยสามารถเข้าถึง ETF ได้ง่าย
ผลตอบแทน ETF ขึ้นอยู่กับอะไร ?
ผลตอบแทนขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของสินทรัพย์อ้างอิง เช่น ดัชนีหุ้น ราคาพันธบัตร หรือราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ ETF ติดตาม
มี ETF ประเภทไหนให้เลือกบ้าง ?
ในตลาดสหรัฐฯ มี ETF ให้เลือกหลากหลาย เช่น Broad Market ETF, Sector ETF, International ETF, Bond ETF, Commodity ETF, และ Thematic ETF
ส่วนในตลาดไทย ก็มี ETF ให้เลือกลงทุนหลากหลายประเภทเช่นกัน เช่น ETF หุ้นไทย (ติดตามดัชนีราคาหุ้นไทย เช่น SET50, SET100), ETF หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรม (ลงทุนในหุ้นเฉพาะสาขา เช่น ธนาคาร พลังงาน เทคโนโลยี), ETF หุ้นต่างประเทศ, ETF ตราสารหนี้, ETF ทองคำ และ ETF แบบ Thematic นอกจากนี้ ยังมี ETF ประเภท Feeder Fund ที่ไปลงทุนใน ETF ต่างประเทศ เพื่อให้นักลงทุนไทยเข้าถึงตลาดโลกได้สะดวกมากขึ้น
ซื้อขายกองทุน ETF ต้องเสียค่าธรรมเนียมอะไรบ้าง ?
ค่าใช้จ่ายหลักประกอบด้วย Expense Ratio ของ ETF, ค่า Commission การซื้อขาย, และอาจมีค่าธรรมเนียมการแลกเปลี่ยนเงินตรา