Options เป็นเครื่องมือการลงทุนที่ช่วยเพิ่มโอกาสทำกำไรและบริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ บทความนี้จะพาคุณทำความรู้จัก SET50 Index Options ตั้งแต่พื้นฐาน วิธีการซื้อขายผ่าน TFEX รายละเอียดสัญญาที่ควรรู้ ไปจนถึง 4 กลยุทธ์หลัก—Long Call, Short Call, Long Put และ Short Put—ซึ่งตอบโจทย์ทั้งมุมมองตลาดขึ้น ลง และ Sideway เพื่อให้นักลงทุนมือใหม่เข้าใจและเริ่มต้นใช้งานได้อย่างมั่นใจ พร้อมข้อควรระวังเรื่องความเสี่ยงในการลงทุน
นักลงทุนมือใหม่หลายคนอาจคุ้นเคยกับการลงทุนในหุ้นหรือกองทุน แต่รู้ไหมว่ายังมีสินทรัพย์ทางการเงินอีกประเภทหนึ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กัน นั่นคือ Options ที่หลายคนอาจมองข้ามไป เพราะคิดว่าซับซ้อนและเข้าใจยาก แต่จริงๆ แล้ว Options คือเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรและบริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในบทความนี้ เราจะมาทำความรู้จักกับ Options ตั้งแต่พื้นฐานไปจนถึงกลยุทธ์การลงทุนง่ายๆ ที่จะช่วยให้คุณเห็นภาพชัดเจนขึ้น
Options คืออะไร?
Options คือ ตราสารอนุพันธ์ที่ให้สิทธิในการซื้อหรือขายสินทรัพย์อ้างอิง ณ ราคาที่กำหนดไว้ (Strike Price) ภายในระยะเวลาที่กำหนด (Expiration Date) โดยผู้ที่ซื้อ Options จะจ่าย Premium(ค่าออปชัน) ให้กับผู้ขาย Options เพื่อแลกกับสิทธินั้น โดยมี 2 ประเภทหลัก:
- Call Options: สิทธิในการ "ซื้อ" สินทรัพย์อ้างอิง
- Put Options: สิทธิในการ "ขาย" สินทรัพย์อ้างอิง
และในแต่ละประเภทก็สามารถแบ่งได้เป็นผู้ซื้อ (Long) และผู้ขาย (Short) ทำให้เกิดเป็น 4 กลยุทธ์พื้นฐานที่เราจะพูดถึงต่อไป
รู้จักกับ SET50 Index Options
สำหรับนักลงทุนมือใหม่ เราจะขอแนะนำให้รู้จักกับ SET50 Index Options ซึ่งเป็น Options ที่มี ดัชนี SET50 เป็นสินทรัพย์อ้างอิง นั่นหมายความว่ามูลค่าของ Options จะขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงของดัชนี SET50 นั่นเอง
การซื้อขาย SET50 Index Options จะทำผ่านตลาด TFEX (Thailand Futures Exchange) ซึ่งเป็นตลาดสำหรับซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าและ Options โดยเฉพาะ
รายละเอียดสัญญาที่ควรรู้
การเทรด Options มีรายละเอียดที่แตกต่างจากการซื้อขายหุ้นทั่วไป สิ่งสำคัญที่มือใหม่ควรรู้คือ:
- สินทรัพย์อ้างอิง (Underlying Asset): ดัชนี SET 50
- ตัวคูณ (Multiplier): มูลค่าของสัญญา Options จะเท่ากับดัชนี SET50 x 200 บาท
- ยกตัวอย่าง: หากดัชนี SET50 อยู่ที่ 950 จุด มูลค่าของสัญญาจะเท่ากับ 950 x 200 = 190,000 บาท
- ราคาใช้สิทธิ (Strike Price): ราคาที่กำหนดไว้ในสัญญาเพื่อใช้สิทธิซื้อหรือขายในอนาคต เช่น Call Options ที่ Strike 950(สิทธิในการซื้อที่ราคา 950 จุด), Put Options ที่ Strike 900(สิทธิในการขายที่ราคา 900 จุด)
- วันหมดอายุ (Expiration Date): โดยปกติจะเป็นวันทำการก่อนวันทำการสุดท้ายของเดือนที่สัญญาหมดอายุ (สัญญารายไตรมาส: มีนาคม, มิถุนายน, กันยายน, ธันวาคม) โดยสัญญาที่ครบอายุจะสิ้นสุดการซื้อขายในเวลา 16:30 น. ตัวอย่างวันหมดอายุของออปชั่น Series U25 (หมดอายุเดือนกันยายน 2025) วันหมดอายุคือวันที่ จันทร์ ที่ 29 กันยายน 2025 โดยที่วันทำการสุดท้ายของเดือนกันยายน 2025 คือ วันอังคาร ที่ 30 กันยายน 2025
กลยุทธ์ Options ตามมุมมองตลาด : ขึ้น ลง หรือ Sideway
กลยุทธ์ที่ 1: Long Call - มองว่าตลาดจะขึ้น
เมื่อเราคาดการณ์ว่าดัชนี SET50 จะ ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เราสามารถ ซื้อ Call Options (Long Call)
- แนวคิด: เราซื้อสิทธิในการซื้อที่ราคาถูกกว่าในอนาคต ถ้าตลาดขึ้นไปตามที่เราคาด สิทธิของเราจะมีมูลค่าสูงขึ้น และเราขายสิทธินั้นทำกำไรได้
- วิธีการ: ซื้อ Call Options ที่ราคา Strike Price ที่เราคาดว่าดัชนีจะไปถึง
- ผลตอบแทน:
- กำไร: ไม่จำกัด กำไรจะเกิดขึ้นเมื่อดัชนีสูงกว่า จุดคุ้มทุน
- ขาดทุน: จำกัด อยู่ที่ Premium ที่จ่ายไปทั้งหมด
- จุดคุ้มทุน (Breakeven Point): Strike Price + Premium
- ข้อควรพิจารณา: เป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสำหรับคนที่มีมุมมองเชิงบวกอย่างชัดเจน และต้องการจำกัดความเสี่ยงในกรณีที่คาดการณ์ผิด
กลยุทธ์ที่ 2: Short Call - มองว่าตลาดจะลง หรือคงที่
ในทางกลับกัน ถ้าเราคาดว่าดัชนี SET50 จะ ปรับตัวลดลง หรือราคาจะทรงตัวไม่ไปไหน เราสามารถ ขาย Call Options (Short Call)
- แนวคิด: เราเป็นผู้รับ Premium โดยคาดหวังว่าผู้ซื้อจะไม่ใช้สิทธิซื้อจากเรา ทำให้เราได้กำไรเท่ากับ Premium ที่ได้รับ
- วิธีการ: ขาย Call Options
- ผลตอบแทน:
- กำไร: จำกัด สูงสุดเท่ากับ Premium ที่ได้รับมา
- ขาดทุน: ไม่จำกัด หากดัชนี SET50 ปรับตัวสูงขึ้นมากกว่าราคาที่ใช้สิทธิมากขึ้นต่อเนื่อง
- จุดคุ้มทุน (Breakeven Point): Strike Price + Premium
- ข้อควรพิจารณา: เป็นกลยุทธ์ที่ต้องใช้ความระมัดระวังอย่างสูง เนื่องจากมีความเสี่ยงไม่จำกัดหากตลาดปรับตัวขึ้นแรง เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มีประสบการณ์
กลยุทธ์ที่ 3: Long Put - มองว่าตลาดจะลง
เมื่อเราคาดการณ์ว่าดัชนี SET50 จะ ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง เราสามารถ ซื้อ Put Options (Long Put)
- แนวคิด: เราซื้อสิทธิในการขายที่ราคาปัจจุบัน ถ้าตลาดลงไปตามที่เราคาด สิทธิในการขายที่ราคาที่สูงกว่าตลาดจะมีมูลค่าสูงขึ้น ทำให้เราสามารถขายสิทธินั้นเพื่อทำกำไรได้
- วิธีการ: ซื้อ Put Options ที่ราคา Strike Price ที่เราคาดว่าดัชนีจะไปถึง
- ผลตอบแทน:
- กำไร: ไม่จำกัด กำไรจะเกิดขึ้นเมื่อดัชนีต่ำกว่า จุดคุ้มทุน
- ขาดทุน: จำกัด อยู่ที่ Premium ที่จ่ายไปทั้งหมด
- จุดคุ้มทุน (Breakeven Point): Strike Price - Premium
- ข้อควรพิจารณา: เป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสำหรับคนที่มีมุมมองเชิงลบอย่างชัดเจน และต้องการจำกัดความเสี่ยง
กลยุทธ์ที่ 4: Short Put - มองว่าตลาดจะขึ้น หรือคงที่
หากเราคาดการณ์ว่าดัชนี SET50 จะ ปรับตัวสูงขึ้น หรือราคาจะทรงตัวไม่ไปไหน เราสามารถ ขาย Put Options (Short Put) ได้ครับ
- แนวคิด: เราเป็นผู้รับ Premium โดยคาดหวังว่าผู้ซื้อจะไม่ใช้สิทธิขายให้เรา ทำให้เราได้กำไรเท่ากับ Premium ที่ได้รับ
- วิธีการ: ขาย Put Options
- ผลตอบแทน:
- กำไร: จำกัด สูงสุดเท่ากับ Premium ที่ได้รับมา
- ขาดทุน: ไม่จำกัด หากดัชนี SET50 ปรับตัวลงต่ำกว่าราคาที่ใช้สิทธิอย่างต่อเนื่อง
- จุดคุ้มทุน (Breakeven Point): Strike Price - Premium
- ข้อควรพิจารณา: เป็นกลยุทธ์ที่มีความเสี่ยงสูงหากตลาดปรับตัวลงอย่างรุนแรง เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มองว่าตลาดมีแนวโน้มปรับตัวขึ้น หรือไม่ปรับตัวลงไปต่ำกว่าราคาที่ใช้สิทธิอย่างแน่นอน
หมายเหตุ : กำไรขาดทุนในตัวอย่างบทความนี้ยังไม่ได้รวมค่าธรมมเนียมการซื้อขายและค่าใช้จ่ายอื่นๆ
บทความนี้จะช่วยให้มือใหม่ที่สนใจ Options ได้เข้าใจหลักการเบื้องต้นของ TFEX SET50 Index Options มากขึ้น อย่างไรก็ตาม การลงทุนใน Options มีความซับซ้อนและมีความเสี่ยงสูง ควรศึกษาให้เข้าใจอย่างถ่องแท้และเริ่มต้นด้วยการลงทุนในจำนวนเงินที่ไม่กระทบต่อเงินลงทุนหลัก
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มได้ที่นี่
คู่มือเทรด SET50 Index Options ผ่าน Options Wizard สำหรับมือใหม่
TFEX
🚀 ลงทุน TFEX เข้าถึงโอกาสทำกำไรในตลาดอนุพันธ์ได้อย่างง่ายดายแค่ปลายนิ้ว
เพียงแค่เปิดบัญชีกับ InnovestX และ Activate บัญชี TFEX
1. เปิดบัญชี InnovestX 👉 https://innovestx.onelink.me/23if/2jlpsi7b
2. Activate TFEX: อ่านขั้นตอนการเปิดใช้บริการ 👉 https://www.innovestx.co.th/products/derivatives/product-tfex
⚠️ คำเตือน: ผู้ลงทุนควรศึกษา ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน ผลงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งที่รับประกันผลงานในอนาคต เงินลงทุนอาจสูญหาย และควรศึกษาความเสี่ยงก่อนลงทุน
