Derivatives

[ไฮไลต์เนื้อหา TFEX Trader Camp รุ่นที่ 6] : Session 1 พื้นฐาน Futures & Options : เปิดโลกอนุพันธ์ เข้าใจ Futures & Options

18 Nov 25 3:37 PM
รู้จักผลิตภัณฑ์ลงทุน1
สรุปสาระสำคัญ

ถ้าคุณเคยได้ยินคำว่า “ฟิวเจอร์ส” หรือ “ออปชัน” แต่ยังไม่แน่ใจว่าคืออะไร ใช้ยังไง และเสี่ยงแค่ไหน บทความนี้จะสรุปเนื้อหาของ Session 1 : พื้นฐาน Futures & Options : เปิดโลกอนุพันธ์ เข้าใจ Futures & Options จากโครงการ TFEX Trader Camp รุ่นที่ 6 จะชวนคุณค่อย ๆ ทำความรู้จักตั้งแต่พื้นฐาน เริ่มจาก Futures ว่าคือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่ใช้เงินลงทุนน้อยแต่มี Leverage สูง สามารถทำกำไรได้ทั้งตอนตลาดขึ้น และลง รวมถึงความเข้าใจเรื่องของมาร์จิ้น และระบบ Mark-to-Market ผ่านตัวอย่างสินค้ายอดนิยมใน TFEX อย่าง SET50 จากนั้นต่อด้วย Long Options ในมุม “สิทธิ ไม่ใช่ภาระ” อธิบายให้เห็นว่าใช้ทั้งเพื่อเก็งกำไร และป้องกันความเสี่ยงพอร์ตได้อย่างไร ก่อนจะสรุปหลักคิดเรื่องแผนการเทรด วินัย Stop Loss และการบริหารเงินทุน ที่เป็นหัวใจของการอยู่รอดในตลาดอนุพันธ์ระยะยาว

ทำความรู้จักกับสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures)

 

Futures คือ สัญญาซื้อขายล่วงหน้า ที่ผู้ซื้อและผู้ขายตกลงที่จะซื้อขายสินทรัพย์อ้างอิง (Underlying Asset) ในปริมาณ ราคา และวันหมดอายุที่กำหนดไว้ล่วงหน้า Futures เป็นหนึ่งในเครื่องมืออนุพันธ์ (Derivatives) ที่มีจุดเด่นคือการใช้เงินลงทุนน้อยเมื่อเทียบกับมูลค่าสัญญาจริง (มี Leverage หรืออัตราทด) และสามารถทำกำไรได้ทั้งในช่วงตลาดขาขึ้นและขาลง

  

 ลักษณะและจุดเด่นของ Futures

จุดเด่น

- ใช้เงินลงทุนน้อย (Leverage): ผู้ลงทุนวางเพียงหลักประกัน (Margin) ซึ่งเป็นสัดส่วนเล็กน้อยของมูลค่าสัญญา ทำให้เกิดอัตราทดหรือ Leverage
Leverage คือ อัตราส่วนระหว่างมูลค่าสัญญา (Notional Value) กับเงินหลักประกันเริ่มต้น (Initial Margin - IM) เช่น หาก Leverage คือ 10 เท่า หมายความว่ากำไร/ขาดทุนจะถูกทวีคูณเป็น 10 เท่าของราคาที่เปลี่ยนแปลงตามปกติ

 

ทำกำไรได้สองทาง:

      - Long (ซื้อ): เปิดสถานะเมื่อคาดว่าราคาสินทรัพย์อ้างอิงจะ เพิ่มขึ้น (Open Long)

      - Short (ขาย): เปิดสถานะเมื่อคาดว่าราคาสินทรัพย์อ้างอิงจะ ลดลง (Open Short)

การปิดสถานะ:

      - ปิดสถานะ Long ด้วยการขาย (Short Close)

      - ปิดสถานะ Short ด้วยการซื้อ (Long Close)

ใช้ป้องกันความเสี่ยง (Hedging):

สามารถใช้ Futures ในการป้องกันความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนที่มีสินทรัพย์อ้างอิงเดียวกันได้ เช่น ถือหุ้นในพอร์ตแล้วคาดว่าตลาดจะลงในระยะสั้น ก็สามารถ Short Index Futures เพื่อชดเชยผลขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นกับพอร์ตหุ้นได้

ความเสี่ยง

เป็นภาระหน้าที่ (Obligations)ของผู้ซื้อ และผู้ขาย: เป็นข้อผูกมัดที่ผู้ถือสัญญาจะต้องทำตามข้อตกลงในการซื้อหรือขายสินทรัพย์อ้างอิง ณ วันที่กำหนด

 

  การบริหารความเสี่ยงด้วยหลักประกัน (Margin)

สัญญาฟิวเจอร์ส (Futures)มีการซื้อขายโดยใช้ระบบหลักประกัน (Margin System) และมีการปรับมูลค่าหลักประกันรายวัน (Mark-to-Market)

 

 - หลักประกันเริ่มต้น (Initial Margin - IM): เงินที่ต้องวางไว้เพื่อเปิดสัญญา

 - หลักประกันรักษาสภาพ (Maintenance Margin - MM): หากเงินหลักประกันลดลงต่ำกว่าระดับนี้ ผู้ลงทุนจะถูกเรียกให้เติมเงิน (Margin Call) เพื่อให้กลับไปเท่ากับ IM

- หลักประกันบังคับปิดสถานะ (Force Close Margin): หากเงินหลักประกันลดลงต่ำกว่าระดับนี้ และไม่เติมเงินภายในระยะเวลาที่กำหนด สัญญาจะถูกบังคับปิดโดยอัตโนมัติ (Force Sell/Force Close)

- การ Mark-to-Market: ตลาดจะประเมินสถานะกำไร/ขาดทุนตามราคาตลาด ณ สิ้นวัน หากขาดทุนจนหลักประกันต่ำกว่า MM จะต้องเติมเงิน

สินค้า Futures ยอดนิยมใน TFEX

สินค้า Futures ใน TFEX แบ่งเป็น 5 กลุ่ม แต่ที่นักลงทุนซื้อขายมากที่สุดมี 3 กลุ่มหลัก :

 

กลุ่มสินค้า

สินค้ายอดนิยม

รายละเอียด

ตราสารทุน (Equity)

 

Set 50 Futures (S50)

 

อ้างอิงดัชนี SET50 (หุ้นชั้นนำ 50 ตัว) ใช้เงินหลักประกันเริ่มต้น (IM) ประมาณ 10,000 บาท* Leverage ประมาณ 16-17 เท่า

 

สินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity)

 

Gold Online Futures (GO)

 

อ้างอิงราคาทองคำในตลาดโลก (USD/Ounce) ไม่ต้องคำนึงถึงอัตราแลกเปลี่ยน IM ประมาณ 46,000 บาท* Leverage ประมาณ 24 เท่า สภาพคล่องสูง

 

 

 

Silver Online Futures (SV)

 

อ้างอิงราคาโลหะเงิน IM ประมาณ 10,000 บาท* Leverage ประมาณ 13 เท่า เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อ-ขายสินค้าประเภท Precious Metal แต่ใช้เงินประกันเริ่มต้นน้อยกว่าทองคำ

 

อัตราแลกเปลี่ยน (Currency)

 

USD Futures (USD)

 

อ้างอิงอัตราแลกเปลี่ยน USD/THB ใช้เงินหลักประกันเริ่มต้นน้อยที่สุด (ไม่ถึง 1,000 บาท*) Leverage สูงประมาณ 30 เท่า เหมาะสำหรับเก็งกำไรค่าเงิน หรือ Hedging สำหรับผู้ที่ทำธุรกิจนำเข้า/ส่งออก หรือลงทุนต่างประเทศ

 

*หมายเหตุ: เงินหลักประกันเริ่มต้นสามารถเปลี่ยนแปลงปรับขึ้นลงได้(ตามประกาศซึ่งจะปรับเปลี่ยนตามความผันผวนของราคาสินค้าอ้างอิง

 

Options คืออะไร 

Options คือ สิทธิในการซื้อหรือขายสินทรัพย์อ้างอิง ณ ราคา และวันหมดอายุที่กำหนด Options มีลักษณะคล้ายกับการ ซื้อ/ขายประกัน พอร์ตการลงทุน

 

จุดเด่นของ Options

    - เป็นสิทธิ (Right): ผู้ซื้อ Options มี "สิทธิ" ที่จะใช้หรือไม่ใช้สิทธิก็ได้

    - จำกัดความเสี่ยง (Limited Loss): หากผู้ซื้อ (Long Options) คาดการณ์ผิดทาง จะขาดทุนสูงสุดเพียงแค่ ค่าพรีเมียม (Premium) ที่จ่ายไปเท่านั้น (เสมือนค่าเบี้ยประกัน)
    - กำไรไม่จำกัด (Unlimited Profit): หากผู้ซื้อ (Long Options) คาดการณ์ถูกทาง โอกาสในการทำกำไรไม่จำกัด

    - Premium (ค่าพรีเมียม): คือ ราคาของ Options ที่ผู้ซื้อจ่ายให้ผู้ขายเพื่อแลกกับสิทธิในการซื้อขายสินทรัพย์อ้างอิงตามราคาใช้สิทธิ ณ วันที่กำหนด

ประเภทของ Options

Options มี 2 ประเภทหลัก:

ประเภท

สิทธิที่ได้รับ

สถานะตลาดที่คาดการณ์

 

Call Options (C)

 

สิทธิในการ "ซื้อ" สินทรัพย์อ้างอิง

คาดว่าราคาสินทรัพย์อ้างอิงจะ ขึ้น (Long Call)

 

 

Put Options (P)

 

สิทธิในการ "ขาย" สินทรัพย์อ้างอิง

คาดว่าราคาสินทรัพย์อ้างอิงจะ ลง (Long Put)   

 

 

 การใช้งาน Options ยอดนิยม (Long Options)

       - Long Call Options: ใช้ในการเก็งกำไรเมื่อคาดว่าราคาจะปรับตัวขึ้น โดยใช้เงินทุนน้อยกว่าการซื้อสินทรัพย์อ้างอิงโดยตรง 
       - Long Put Options (Protective Put): ใช้ในการป้องกันความเสี่ยงของพอร์ต (คล้ายการซื้อประกัน) หากตลาดลง พอร์ตขาดทุน แต่กำไรจาก Put Options จะช่วยชดเชยขาดทุนจากพอร์ตได้

 

ตัวอย่างการทำกำไร (Long Options)

 

Long Call Options:

ซื้อ Call Options ที่ราคาใช้สิทธิ์ (Strike Price) 800 จุด และจ่ายค่าพรีเมียม 20 จุด จุดคุ้มทุนคือ 800 + 20 = 820 จุด  หากดัชนี SET50 ขึ้นเกิน 820 จุด ผู้ซื้อจะได้กำไร
Long-call.png

 

Long Put Options:

 ซื้อ Put Options ที่ราคาใช้สิทธิ์ 820 จุด และจ่ายค่าพรีเมียม 20 จุด จุดคุ้มทุนคือ 820 - 20 = 800 จุด  หากดัชนี SET50 ลงต่ำกว่า 800 จุด ผู้ซื้อจะได้กำไร

Long-put.png

 

 Options ในตลาดไทยและต่างประเทศ

 

SET50 Options :

   - Underlying Asset: ดัชนี SET50 Index
   - ประเภทสิทธิ์: สิทธิ์แบบ European Style (ใช้สิทธิ์ได้เฉพาะวันหมดอายุเท่านั้น)
   - การชำระเงิน: ชำระเป็นเงินบาท
   - เงินเริ่มต้น: ใช้เงินค่าพรีเมียม เริ่มต้นที่หลักร้อยถึงหลักพันบาท

US Options :

   - Underlying Asset: หุ้นรายตัวและ ETF ในตลาดสหรัฐฯ (มีมากกว่า 2,000 ตัว)
   - ประเภทสิทธิ์: สิทธิ์แบบ American Style (ใช้สิทธิ์ได้ทุกวันจนถึงวันหมดอายุ)
   - การชำระเงิน: สามารถเลือกชำระเป็นเงินสดหรือเป็นหุ้นได้

 

 ปัจจัยสำคัญสู่ความสำเร็จในการเทรดอนุพันธ์

 

การเทรด Futures และ Options มีความเสี่ยงสูงเนื่องจากมี Leverage ดังนั้น การมีหลักการและวินัยจึงเป็นสิ่งสำคัญ

  1. ทำความเข้าใจสภาวะตลาด (Market Condition): วิเคราะห์ภาพรวมเศรษฐกิจ อัตราดอกเบี้ย และปัจจัยที่มีผลต่อสินทรัพย์อ้างอิง

    • ตัวอย่าง: หากคาดการณ์ว่าดอลลาร์จะแข็งค่า (บาทอ่อน) ควร Long USD Futures หรือหากคาดว่าทองคำจะย่อตัวเพราะดอลลาร์แข็ง ก็สามารถ Short Gold Futures ได้

  2. มีแผนการเทรดที่ชัดเจน (Trade Proposal): กำหนดกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับสไตล์ของตนเอง เช่น การตามแนวโน้ม (Trend Following), การเล่นกลับตัว (Reversion), หรือการทำ Arbitrage

  3. การบริหารจัดการเงินทุน (Money Management): ถือเป็นหัวใจสำคัญ
        - กำหนดจุด Stop Loss: ตัดขาดทุนเมื่อราคาผิดทางตามที่กำหนดไว้อย่างมีวินัย
        - กำหนดจุด Take Profit: ขายทำกำไรเมื่อถึงเป้าหมาย
        - Trailing Stop: เลื่อนจุด Stop Loss ขึ้นตามเมื่อราคาวิ่งไปในทิศทางที่ถูกต้อง เพื่อรักษากำไรที่เกิดขึ้นไว้ (เช่น กำไร 100 บาท ตั้ง Trailing Stop ที่ 70 บาท หากราคาย่อถึง 70 ต้องรีบปิดทำกำไร)
       - Risk-to-Reward Ratio: ประเมินขนาดของการขาดทุนที่ยอมรับได้ต่อขนาดของกำไรที่คาดหวัง

  4. การเลือกสินค้าที่ตอบโจทย์ (Product Selection): เลือกสินค้าที่เรามีความเชี่ยวชาญ คุ้นเคย หรือมีข้อมูลเชิงลึก
        - สำหรับมือใหม่: USD Futures เป็นทางเลือกที่ดีในการเริ่มต้น เนื่องจากใช้หลักประกันน้อย และเป็นตัวทดลองที่ดีในการทำความเข้าใจกลไกของ Futures

 

Disclaimer : ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน US Futures and Options มีความเสี่ยงสูงที่อาจก่อให้เกิดผลขาดทุนอย่างมีนัยสำคัญจึงไม่เหมาะสมกับทุกคน การซื้อขาย Options ที่มีสินทรัพย์อ้างอิงเป็นหลักทรัพย์ต่างประเทศมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน ความเสี่ยงที่มูลค่าสัญญาจะลดลงตามเวลา (Time decay) ความเสี่ยงที่ท่านอาจสูญเสียเงินที่จ่ายเพื่อซื้อสิทธิ์ในตอนแรก (ค่าพรีเมียม) ทั้งหมด ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

 

 

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5