เมื่อหักรายการพิเศษออก BH รายงานกำไรปกติ 2Q67 ที่ 1.9 พันลบ. เพิ่มขึ้น 15% YoY แต่ลดลง 2% QoQ เป็นไปตามตลาดคาด กำไรปกติที่เพิ่มขึ้น YoY ได้แรงหนุนจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นและ EBITDA margin ที่แข็งแกร่ง ในขณะที่กำไรปกติที่ลดลง QoQ เกิดจากปัจจัยฤดูกาล แม้กำไรจะมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น YoY อย่างต่อเนื่องใน 3Q67 แต่เราคาดว่าการเติบโตจะกลับสู่ระดับปกติ ซึ่งเป็นผลมาจากการได้รับประโยชน์ที่ลดน้อยลงจากการปรับขึ้นค่ารักษาพยาบาล และมีต้นทุนเริ่มแรกของศูนย์ไวทัลไลฟ์แห่งใหม่ในจังหวัดภูเก็ต เราคงคำแนะนำ NEUTRAL สำหรับ BH โดยให้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2567 อ้างอิงวิธี DCF ที่ 270 บาท/หุ้น 2Q67: กำไรตามคาด BH รายงานกำไรสุทธิ 2Q67 ที่ 1.9 พันลบ. (+11% YoY แต่ -3% QoQ) เมื่อหักรายการพิเศษ (กำไรจากการขายสินทรัพย์ใน 2Q66 และกำไร/ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนใน 2Q66 1Q67 และ 2Q67) ออก พบว่ากำไรปกติเติบโต 15% YoY แต่ลดลง 2% QoQ เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ กำไรปกติที่เพิ่มขึ้น YoY ได้แรงหนุนจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นและ EBITDA margin ที่แข็งแกร่ง ในขณะที่กำไรปกติที่ลดลง QoQ เกิดจากปัจจัยฤดูกาล BH ประกาศจ่ายเงินปันผล 2 บาท/หุ้น จากผลการดำเนินงาน 1H67 คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล 0.8% ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 23 ส.ค. 2567 และจ่ายเงินปันผลวันที่ 9 ก.ย. 2567 ประเด็นสำคัญ · รายได้ใน 2Q67 อยู่ที่ 6.3 พันลบ. (เพิ่มขึ้น 4% YoY แต่ลดลง 4% QoQ) โดยในไตรมาสนี้ ปัจจัยขับเคลื่อน คือ รายได้จากบริการผู้ป่วยชาวต่างชาติ (66% ของรายได้) ที่เติบโต 5% YoY (แต่ลดลง 4% QoQ) ในขณะที่รายได้จากบริการผู้ป่วยชาวไทย (34% ของรายได้) เพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ 2% YoY (แต่ลดลง 2% YoY) · ประเด็นบวก คือ EBITDA margin ทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 40.5% (เพิ่มขึ้นจาก 38.0% ใน 2Q66 และ 40.3% ใน 1Q67) เรามองว่าแรงขับเคลื่อนหลัก คือ การปรับขึ้นค่ารักษาพยาบาล 2% ในเดือนก.ค. 2566 และ 4% ในเดือนม.ค. 2567 ทำให้ค่ารักษาพยาบาลปรับขึ้น 6% YoY ใน 1H67 BH สามารถควบคุมต้นทุนได้ดี เนื่องจากต้นทุนประกอบกิจการโรงพยาบาลลดลง 1% YoY และ 4% QoQ และค่าใช้จ่าย SG&A เพิ่มขึ้น 2% YoY แต่ลดลง 1% QoQ ปรับประมาณการกำไร เราปรับประมาณการกำไรปี 2567-2568 เพิ่มขึ้นปีละ 1% โดยสำหรับ 3Q67 เราคาดว่ากำไรปกติจะมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น YoY อย่างต่อเนื่อง แต่การเติบโตจะกลับสู่ระดับปกติซึ่งเป็นผลมาจากการได้รับประโยชน์ที่ลดน้อยลงจากการปรับขึ้นค่ารักษาพยาบาล (การปรับขึ้นค่ารักษาพยาบาลที่แท้จริงอยู่ที่ 6% ใน 1H67 และจากนั้นปรับลดลงเหลือ 4% ใน 2H67) และมีต้นทุนเริ่มแรกของศูนย์ไวทัลไลฟ์แห่งใหม่ในจังหวัดภูเก็ตที่จะเปิดให้บริการในเดือนส.ค. (เลื่อนมาจากเดือนมิ.ย.) ในขณะที่กำไรจะเติบโต QoQ จากปัจจัยฤดูกาล เรามองว่า upside ของกำไรจะมาจากกำไรส่วนเพิ่มในระยะกลางถึงระยะยาวจากโรงพยาบาลแห่งใหม่ในจังหวัดภูเก็ตที่คาดว่าจะเปิดให้บริการใน 1H69 ซึ่งเรายังไม่ได้นำมารวมไว้ในประมาณการของเรา อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าจะมีแรงกดดันในระยะสั้นจากภาระต้นทุนเริ่มแรกในช่วงการดำเนินงานเริ่มต้น เราจะอัพเดทอีกครั้งหลังการประชุมนักวิเคราะห์วันที่ 15 ส.ค. เรายังคงคำแนะนำ NEUTRAL สำหรับ BH โดยคงราคาเป้าหมายสิ้นปี 2567 อ้างอิงวิธี DCF ไว้ที่ 270 บาท/หุ้น โดยอิงกับ WACC ที่ 7.1% และการเติบโตระยะยาวที่ 3% ความเสี่ยง เนื่องจาก BH มีรายได้หลักมาจากบริการผู้ป่วยชาวต่างชาติ ดังนั้นเราจะจับตาดูการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจทำให้เกิดการชะลอการรักษาโรคที่ไม่เร่งด่วนและความไม่สะดวกของผู้ป่วยต่างชาติที่จะเดินทางมารับการรักษาพยาบาลในประเทศไทย เรามองว่าปัจจัยเสี่ยงด้าน ESG คือ ความปลอดภัยของผู้ป่วย (S) ซึ่ง BH ได้นำเอาระบบบริหารคุณภาพต่างๆ มาใช้สำหรับกระบวนการดูแลผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง | ||
ท่านสามารถอ่านและดาวน์โหลดเอกสารได้จาก BH240809_T
|