CBG รายงานกำไรสุทธิ 4Q65 จำนวน 408 ลบ. (-33.5% YoY และ -14.4% QoQ) ต่ำที่สุดในรอบ 15 ไตรมาส และต่ำกว่าที่ตลาดและเราคาดการณ์ไว้อยู่ 32% โดยเกิดจากรายได้ที่อ่อนตัวลงและอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงแรง ส่งผลทำให้กำไรสุทธิปี 2565 ลดลง 20.6% เรายังคงคาดการณ์ว่ารายได้ปี 2566 จะฟื้นตัว 12% หลักๆ ได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของตลาดในประเทศและจีน และแรงกดดันจากต้นทุนที่ลดลงจะหนุนให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น เราคง tactical call สำหรับ CBG ไว้ที่ NEUTRAL ด้วยราคาเป้าหมายปี 2566 ที่ 101 บาท/หุ้น กำไรที่มีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นสะท้อนในราคาหุ้นไปบ้างแล้ว แนะนำให้รอดูนโยบายเกี่ยวกับการปรับราคาขาย
กำไรสุทธิ 4Q65 ต่ำกว่าคาด 32% CBG รายงานกำไรสุทธิ 4Q65 จำนวน 408 ลบ. (-33.5% YoY และ -14.4% QoQ) ต่ำที่สุดในรอบ 15 ไตรมาส และต่ำกว่าที่ตลาดและเราคาดการณ์ไว้อยู่ 32% รายได้อยู่ที่ 4.49 พันลบ. (+2.5% YoY แต่ -4.4% QoQ) โดยรายได้ภายใต้เครื่องหมายการค้าของตนเองลดลง 3% YoY และ 16% QoQ รายได้จากการขายในประเทศคิดเป็นสัดส่วน 68% โดยมูลค่าลดลง 1% YoY และ QoQ ในขณะที่รายได้จากการส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศคิดเป็นสัดส่วน 32% โดยมูลค่าลดลง 11% QoQ หลักๆ เกิดจากจีนและกลุ่มประเทศ CLMV แต่เพิ่มขึ้น 11% YoY อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 26.5% ต่ำกว่าประมาณการของเราที่ 30% และทำสถิติต่ำสุด เพราะได้รับแรงกดดันจากต้นทุนวัตถุดิบและต้นทุนพลังงานสูง
กำไรสุทธิปี 2565 ต่ำกว่าคาด 8% ในปี 2565 CBG รายงานกำไรสุทธิ 2.28 พันลบ. (-20.6%) ต่ำกว่าที่เราคาดการณ์ไว้อยู่ 8% รายได้รวมอยู่ที่ 1.92 หมื่นลบ. (+10.7%) เป็นไปตามเราคาดการณ์ โดยแบ่งเป็นสัดส่วนรายได้จากการขายในประเทศ 65% มูลค่าเพิ่มขึ้น 18% และรายได้จากการส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ 35% มูลค่าลดลง 1% หลักๆ เกิดจากจีน อัตรากำไรขั้นต้นลดลงแรงสู่ 29.3% จาก 35.6% ในปี 2564 (ประมาณการของเราอยู่ที่ 30.6%) เพราะได้รับแรงกดดันอย่างหนักจากต้นทุนอลูมิเนียมและต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น
คงประมาณการปี 2566 เรายังคงประมาณการรายได้ปี 2566 ไว้ที่ 2.15 หมื่นลบ. (+12%) โดยอิงกับสมมติฐานว่ายอดขายทั้งในและต่างประเทศจะฟื้นตัวดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งรายได้จากจีน ในขณะที่คาดว่ารายได้จากกลุ่มประเทศ CLMV จะอยู่ในระดับทรงตัว และ CBG จะคงราคาขายปลีกเครื่องดื่มบำรุงกำลังเรือธง คาราบาวแดง ไว้เท่าเดิม เราคาดการณ์อัตรากำไรขั้นต้นที่ 32% โดยได้รับการสนับสนุนจากแรงกดดันที่ลดน้อยลงจากต้นทุนอลูมิเนียม ดังนั้นเราจึงคาดการณ์กำไรสุทธิที่ 3 พันลบ. (+32%)
ปัจจัยเสี่ยงและความกังวล การแข่งขันในตลาดเครื่องดื่มบำรุงกำลังยังสูงใน 1H66 โดยในจำนวนผู้เล่น 3 อันดับแรก CBG เป็นผู้เล่นเพียงรายเดียวที่ยังคงราคาขายปลีกเครื่องดื่มบำรุงกำลังไว้ที่ขวดละ 10 บาท ซึ่งเรามองว่าเป็นลบเล็กน้อย เนื่องจากต้นทุนยังสูงและอาจสร้างแรงกดดันต่อการเติบโตของอัตรากำไรขั้นต้นในระยะยาว นอกจากนี้เรายังต้องจับตาดูเศรษฐกิจและนโยบายของกลุ่มประเทศ CLMV ด้วย
Tactical call NEUTRAL ด้วยราคาเป้าหมาย 101 บาท/หุ้น เรายังคง tactical call สำหรับ CBG ไว้ที่ NEUTRAL ด้วยราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 ที่ 101 บาท/หุ้น อ้างอิง PE เฉลี่ยที่ 33 เท่า CBG ประกาศจ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.75 บาท/หุ้น XD วันที่ 2 มี.ค. 2566