ก่อนไปคิดอะไร
เราคาดว่ายอดขายที่ดินของ 2Q68 จะชะลอตัวจากการ wait and see ของนักลงทุนจากประเด็นอัตราภาษี Tariffs ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งคาดว่าจะกระทบกับเป้าการขายทั้งในประเทศไทยและประเทศเวียดนาม ขณะการโอนกรรมสิทธิ์ใน 2Q68 คาดจะเติบโต YoY แต่อ่อนตัว QoQ จากกำหนดการของ Backlog ที่รอส่งมอบ
หลังไปได้อะไร
- ยอดขายที่ดิน 2Q68 ลดลง YoY แต่เติบโต QoQ ปรับลดเป้ายอดขายที่ สปป.ลาว AMATA เปิดเผยยอดขายที่ดินของ 2Q68 ที่ 464 ไร่ (-37% YoY แต่ +63% QoQ) เป็นยอดจากประเทศไทย 399 ไร่ และเวียดนาม 66 ไร่ ฐานลูกค้าหลักในประเทศไทยยังคงเป็นลูกค้าประเทศจีนและในกลุ่ม Electronic โดย 1H68 ยอดขายที่ดินรวม 748 ไร่ (-29% YoY) นอกจากนี้ AMATA ปรับเป้าการขายที่ดินในปีนี้ลงเหลือ 3,000 ไร่ (Flat YoY) จากเดิมที่ 3,500 ไร่ โดยปรับลดจาก สปป. ลาว จำนวน 500 ไร่ไปเป็นปี 2569 จากความล่าช้าของการพัฒนาที่ดินและเอกสาร โดย AMATA ยังคงเป้าการขายที่ดินของประเทศไทยที่ 2,500 ไร่และเวียดนามที่ 500 ไร่ แนวโน้มการขายที่ดินคาดว่าช่วงปลาย 3Q68 ผลจาก Tariffs ที่ชัดเจนและเป็นฤดูกาลการลงทุนจะหนุนยอดขายที่ดินเร่งตัวขึ้น
- คาดผลประกอบการ 2Q68 เติบโต 6% YoY แต่ลดลง 57.7% QoQ. ยอดโอนที่ดินของ 2Q68 คาดที่ 172 ไร่ (+6% YoY แต่ -38% QoQ) โดย 105 ไร่จะมาจากอมตะระยอง โดยยอดโอนรวม YoY อ่อนตัวกว่าที่เราเคยคาดไว้จากความล่าช้าของ Amata Smart City ที่คาดว่า Backlog จะล่าช้าไปโอนช่วง 4Q68 ดังนั้นคาดรายได้ของ 2Q68 ที่ 2,341 ล้านบาท (-11.6% YoY และ -29.7% QoQ) โดยคาดสัดส่วนรายได้ของยอดโอนที่ดินที่ 40% และคาดอัตราการทำกำไรขั้นต้นเฉลี่ยที่ 34% เปรียบเทียบกับ 31.5% ใน 2Q67 และ 43.8% ใน 1Q68 ดังนั้นคาดกำไรสุทธิที่ 350 ล้านบาท (+51.6% YoY แต่ -57.7% QoQ)
- Backlog ในมือแข็งแกร่ง…คาดการโอนมีน้ำหนักใน AMATA มี Backlog ในมือที่ new high ที่แข็งแกร่ง 24,636 ล้านบาทโดยเป็นยอดจากประเทศไทย 93% และเวียดนาม 7% โดย AMATA คาดว่ายอดไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาทจะสามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้ในปี 2568 และด้วยความล่าช้าของการพัฒนาที่ดินและการขอในอนุญาตต่างๆ จะทำให้ยอดการโอนถ่วงน้ำหนักใน 4Q68 นี้ เราคงประมาณการรายได้ปี 2568 ที่ 15,435 ล้านบาท (+5%) และคาดกำไรสุทธิ ที่ 2,669 ล้านบาท (+7.5%)
- ความเสี่ยง : ทิศทางเศรษฐกิจโลกที่ยังมีความผันผวนและการเปลี่ยนแปลงด้านนโยบายภาษี
- ความเสี่ยงด้าน ESG : AMATA ได้จัดอยู่ในระดับ AAA ของ SET ESG Ratings ในปี 2567 โดย AMATA เน้นด้านสิ่งแวดล้อมและการลดคาร์บอน รวมถึงการ re-use พลังงานในพื้นที่ทุกนิคมของ AMATA ซึ่งประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามคือ การบริหารจัดการพลังงานทั้งในพื้นที่นิคมฯ และส่วนของธุรกิจสาธารณูปโภค