บทสรุป
ปัจจัยกระตุ้น ปัจจัยกระตุ้น #1 : ปรับเป้ายอดขายที่ดินปี 2567 สู่ 2,000 ไร่ ใน 1H67 AMATA ทำยอดขายที่ดินได้ 1,060 ไร่และจากจุดเด่นของประเทศไทยที่มีความพร้อมในการรองรับการย้ายฐานการผลิต อุปสงค์ที่เข้ามาทั้งในกลุ่มยานยนต์ และชิ้นส่วน Electronic ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่มีอัตราการเติบโตสูง ทำให้ AMATA มั่นใจเป้าการขายที่ดินในปีนี้ที่ไม่ต่ำกว่า 2,000 ไร่และ AMATA วางแผนใช้งบลงทุนประมาณ 5,000 ล้านบาทเพื่อซื้อที่ดินเพิ่มในปีนี้เพื่อรองรับการขยายตัวของอุปสงค์ในอนาคต
ปัจจัยกระตุ้น #2Backlog New High หนุนการเติบโตของ 2H67 และปี 2568 AMATA มี Backlog ณ 30 มิ.ย. 2567 ที่ 16,939 ล้านบาท สูงที่สุดเป็นประวัติการณืบริษัท โดยเป็นยอดที่มาจากประเทศไทย 89% ซึ่งหลังจากที่มีความล่าช้าเรื่องเอกสารและใบอนุญาต ทำให้ช่วง 1H67 การโอนทำได้ล่าช้า เราคาดว่าการโอนจะเริ่มมีอัตราเร่งมากขึ้นใน 2H67 และจะโอนได้มากกว่า 1H67 และส่วนที่เหลือจะทยอยส่งมอบไปถึงสิ้นปี 2568 และอาจมีบางส่วนต่อเนื่องถึงปี 2569 ขณะที่อีก 11% เป็นยอด Backlog ที่มาจากเวียดนามซึ่งคาดว่าจะส่งมอบได้ในช่วง 1H68
ปัจจัยกระตุ้น #3 : ปรับประมาณการปี 2567 เพิ่มขึ้นสะท้อนการบันทึกรายได้จาก Backlog ที่มากขึ้นใน 2H67 โดยเราคาดรายได้ของปี 2567 ที่ 13,079 ล้านบาท (+37%) มากกว่าคาดเดิม 19% เนื่องจากคาดกว่าใน 2H67 AMATA จะมีปัจจัยหนุนหลักจากการบันทึกรายได้ของ Backlog ประมาณ 4,500 – 5,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตามเรามีการปรับประมาณการอัตราการทำกำไรขั้นต้นลงจาก 40.8% เป็น 38.2% จากต้นทุนที่ดินใหม่ที่เพิ่มขึ้น ส่งผลประมาณการกำไรสุทธิใหม่เท่ากับ 2,399 ล้านบาท (+27.3% YoY) เพิ่มจากเดิม 7% โดยคาคผลประกบการ 3Q67F จะเติบโตได้ทั้ง YoY และ QoQ
ความเสี่ยง : ทิศทางเศรษฐกิจโลกที่ยังมีปัจจัยไม่แน่นอนกดดัน ต้นทุนพลังงานที่ผันผวน และติดตามโอกาสและความเสี่ยงของการย้ายฐานการผลิตของบางอุตสาหกรรม การเพิ่มขึ้นของค่าแรงขั้นต่ำและราคาที่ดินที่เพิ่มขึ้น ความเสี่ยงด้าน ESG : AMATA ได้จัดอยู่ในระดับ AAA ของ SET ESG Ratings ในปี 2566 โดย AMATA เน้นด้านสิ่งแวดล้อมและการลดคาร์บอน รวมถึงการ re-use พลังงานในพื้นที่ทุกนิคมของ AMATA ซึ่งประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามคือ การบริหารจัดการพลังงานทั้งในพื้นที่นิคมฯ และส่วนของธุรกิจสาธารณูปโภค |