1. หุ้นเอเชียปรับขึ้นต่อเนื่อง – ลุ้นดีลการค้าสหรัฐฯ ขยายวง, นักลงทุนรอท่าที ECB
2. สหรัฐฯ-อียูจ่อบรรลุดีลภาษี 15% ลดแรงเสียดทานก่อนเส้นตาย 1 ส.ค.
3. อิชิบะ ปฏิเสธข่าวลาออก หวังยื้อเก้าอี้นายกฯ หลังดีลภาษีสหรัฐฯ-ญี่ปุ่นช่วยฟื้นภาพลักษณ์
4. ทรัมป์เปิดแผน AI 'action plan' – ลดกฎคุม AI, เร่งสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ ผลักดันสหรัฐฯ ผู้นำโลกด้าน AI
5. หุ้น Meme เดือด! GoPro พุ่งสูงสุด 73% ระหว่างวัน – Krispy Kreme, Beyond Meat ร่วมวง
6. Musk เตือนว่า Tesla อาจเผชิญแรงกดดันต่อผลประกอบการในช่วงหลายไตรมาสข้างหน้า
7. คณะอนุฯกลั่นกรองโครงการกระตุ้น ศก. เตรียมชงบอร์ดชุดใหญ่ในวันนี้
8. ADB ลดคาดการณ์ GDP ไทยปีนี้ลงเหลือ 1.8% จากเดิมที่ 2.8%
1. ตลาดหุ้นเอเชียบวกเป็นวันที่ 6 ติดต่อกัน MSCI Asia Pacific +0.7% นำโดยญี่ปุ่นที่พุ่งกว่า 1.3% ขานรับสัญญาณว่าสหรัฐฯ เตรียมทำข้อตกลงการค้าเพิ่มหลังบรรลุดีลกับญี่ปุ่น ขณะ S&P 500 ปิดทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง และฟิวเจอร์สยุโรป Euro Stoxx 50 +1.1% ฝั่งหุ้นรายตัว Alphabet บวกหลังรายได้ดีกว่าคาด ขณะที่ Tesla ร่วงหลัง Elon Musk เตือนผลประกอบการอาจเผชิญแรงกดดันหลายไตรมาส ด้าน SK Hynix พุ่ง 3.3% หลังประกาศกำไรเกินคาด บอนด์ยีลด์สหรัฐฯ 10 ปีทรงตัวที่ 4.38% เงินเยนและดอลลาร์แทบไม่เปลี่ยนแปลง ส่วน Bitcoin ขยับขึ้นใกล้ $119,000 นักลงทุนจับตา การประชุม ECB วันนี้ และพัฒนาการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-อียู ก่อนเส้นตาย 1 ส.ค.
2. สหรัฐฯ และสหภาพยุโรปใกล้บรรลุข้อตกลงการค้าที่จะกำหนด ภาษีนำเข้า 15% สำหรับสินค้าจากยุโรป โดยจะยกเว้นสินค้าบางประเภท เช่น เครื่องบิน สุรา และอุปกรณ์การแพทย์ ข้อตกลงนี้ช่วยลดแรงกดดันจากเดิมที่สหรัฐฯ ขู่ว่าจะเก็บ ภาษีสูงถึง 30% หากไม่มีดีลก่อน 1 ส.ค. ภาษี 15% ดังกล่าวครอบคลุม อัตราขั้นต่ำทั่วโลก 10% ที่สหรัฐฯ กำหนดไว้ และรวมถึงการลดภาษีนำเข้ารถยนต์จากยุโรปลงจาก 27.5% เหลือ 15% ซึ่งถือเป็นการ “ล็อกเพดานภาษี” อย่างมีนัยสำคัญ ข่าวนี้หนุนให้ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นดี แม้ EU ยังเดินหน้าจัดทำมาตรการตอบโต้ หากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงทันเส้นตายได้
3. นายกฯ ญี่ปุ่น ชิเกรุ อิชิบะ ปฏิเสธรายงานข่าวเตรียมประกาศลาออก แม้พรรคร่วมรัฐบาลสูญเสียเสียงข้างมากทั้งสองสภาหลังเลือกตั้ง การบรรลุข้อตกลงลดภาษีนำเข้าสหรัฐฯ จาก 25% เหลือ 15% ถือเป็น “ชัยชนะเชิงสัญลักษณ์” ที่ช่วยฟื้นเครดิตทางการเมือง อย่างไรก็ตาม คะแนนนิยมรัฐบาลร่วงเหลือเพียงราว 20% เพิ่มแรงกดดันภายในพรรค และกระตุ้นการคาดเดาเรื่องตัวแทนผู้นำคนใหม่ ความไม่แน่นอนทางการเมืองและความเสี่ยงการเปลี่ยนผู้นำ อาจกดดันตลาดหุ้นญี่ปุ่นและเงินเยนระยะสั้น แม้ดีลภาษีกับสหรัฐฯ จะลดแรงกดดันต่อกลุ่มส่งออก โดยนักลงทุนยังคงจับตาความชัดเจนของนโยบายการคลังและเสถียรภาพรัฐบาลเป็นปัจจัยชี้นำสำคัญ
4. ปธน.ทรัมป์เปิดตัว AI “action plan” และลงนามคำสั่งพิเศษ 3 ฉบับ เพื่อเร่งการสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ สนับสนุนการส่งออกโมเดล AI สัญชาติอเมริกัน และกำหนดให้ AI ที่ใช้ในหน่วยงานรัฐต้องมีความเป็นกลางทางอุดมการณ์ และมีมาตรฐานกลางระดับชาติ พร้อมระบุว่านโยบายนี้จะช่วยให้สหรัฐฯ ครองความเป็นผู้นำโลกด้าน AI อย่างไรก็ตาม นักกฎหมายเตือนว่าการจำกัดไม่ให้ AI มี “อคติทางอุดมการณ์” อาจขัดรัฐธรรมนูญ และเสี่ยงถูกท้าทายในศาล แม้ภาคธุรกิจเทคฯ อย่าง Amazon, Google, Microsoft และ OpenAI ยังเดินหน้าหาดีลกับรัฐบาล เพราะมองเป็นโอกาสธุรกิจในตลาดภาครัฐ
5. กระแสหุ้น Meme-stock กลับมาร้อนแรงอีกครั้ง โดย GoPro พุ่ง intraday สูงสุด 73% ขณะ Krispy Kreme และ Beyond Meat พุ่งแรงด้วย แม้ไม่มีปัจจัยพื้นฐานหนุน ด้าน Opendoor และ Kohl’s ร่วงแรงหลังพุ่งแรงก่อนหน้า นักวิเคราะห์ระบุแรงซื้อรอบนี้ขับเคลื่อนโดย กระแสโซเชียลมีเดีย, short squeeze และสัญญาณเทคนิค มากกว่าปัจจัยพื้นฐาน โดยปริมาณการซื้อขายออปชันของ Krispy Kreme พุ่งทำสถิติสูงสุดกว่า 100,000 สัญญา (71 เท่าของค่าเฉลี่ย 4 ปี) ส่วน GoPro ทำสถิติสูงสุดตั้งแต่ปี 2021 ที่กว่า 56,000 สัญญา ดัชนี UBS Meme Basket ปรับขึ้นต่อเนื่อง 6 วันติด สะท้อนแรงเก็งกำไรในตลาดที่ยังคงคึกคัก
6. Tesla รายงาน รายได้ไตรมาส 2 ลดลง 12% เหลือ 22.5 พันล้านดอลลาร์ ต่ำสุดในรอบทศวรรษ ขณะที่ EPS อยู่ที่ 0.40 ดอลลาร์ ต่ำกว่าคาดการณ์ ส่งผลให้หุ้นร่วงแรงในการซื้อขายนอกเวลาทำการ Elon Musk เตือนว่า ผลประกอบการจะยังเผชิญแรงกดดันในช่วงหลายไตรมาสข้างหน้า จากแรงกดดันสิ้นสุดมาตรการสนับสนุน EV ราคาขายที่ลดลง และรายได้จากเครดิตสิ่งแวดล้อมที่ร่วงกว่า 26% นอกจากนี้ CFO ยังระบุว่ากฎหมายการคลังใหม่และ ภาษีของทรัมป์ อาจกระทบความต้องการซื้อรถ Tesla เพิ่มเติม ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาโครงการ robotaxi, รถรุ่นราคาย่อมเยา และหุ่นยนต์ Optimus ที่ Musk ย้ำว่าเป็นกุญแจสำคัญต่ออนาคตบริษัท
7. คณะอนุฯ ไทยกลั่นกรองโครงการกระตุ้น ศก. เตรียมชงบอร์ดชุดใหญ่ในวันนี้ (24 ก.ค.) เพื่อจัดสรรงบฯ ส่วนที่เหลือจากงบกลางปีงบฯ 2568 จำนวน 4.2 หมื่นลบ. เพื่อใช้กระตุ้น ศก. และรับมือผลกระทบจากนโยบายภาษีสหรัฐฯ สศค. ประเมินวงเงินที่อนุมัติแล้ว 1.15 แสนลบ. คาดจะเข้าสู่ระบบ ศก. 4Q68-1Q69 หนุน GDP ราว 0.4-0.5%
8. ADB ลดคาดการณ์ GDP ไทยปีนี้ลงเหลือ 1.8% จากเดิมที่ 2.8% ตามโมเมนตัมการเติบโตทาง ศก. ของไทยที่กำลังอ่อนแรง ท่ามกลางความไม่แน่นอนของ ศก. โลก, จำนวน นทท. ต่างชาติที่ลดลง และคาดการณ์การเติบโต GDP ไทยในปี 2569 ชะลอลงอีกสู่ระดับ 1.6%
ประเด็นที่ต้องติดตาม: HCOB Manufacturing PMI Flash ของยุโรป เดือน ก.ค. คาดว่าจะออกมาที่ 49.9 จากก่อนหน้าที่ 49.5, ECB Interest Rate Decision, Initial Jobless Claims ของสหรัฐฯ คาดว่าจะออกมาที่ 225K จากก่อนหน้าที่ 221K และ S&P Global Manufacturing PMI Flash ของสหรัฐฯ เดือน ก.ค. คาดว่าจะออกมาที่ 52.7 จากก่อนหน้าที่ 52.9