1. ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบจากผลประกอบการบริษัทที่น่าผิดหวัง ขณะรอแถลงการณ์เฟด
2. IMF ปรับอัพเทรนด์ GDP ตลาดเกิดใหม่ ปี 2025 รับจีนฟื้นแรง
3. สหรัฐฯ-จีนเจรจาการค้าที่สตอกโฮล์ม ขยายเวลาพักรบภาษี
4. นักวิเคราะห์อัพกำไรบริษัทยุโรป หลังบรรลุภาษี 15%
5. แรงงานสหรัฐฯชะลอตัว สะท้อนสัญญาณพักฐานเศรษฐกิจ
6. แม่ทัพไทย-กัมพูชา เห็นพ้องหยุดยิงทันที
1. ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ถอยจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังผลประกอบการของหลายบริษัทออกมาน่าผิดหวัง โดย UnitedHealth ร่วงแรงถึง 7.5% หลังประกาศคาดการณ์กำไรที่ต่ำกว่าคาด ขณะที่ Boeing ลดลง 4.4% และ UPS ดิ่ง 10.6% ส่วน Whirlpool ทรุด 13.4% หลังปรับลดคาดการณ์กำไรและเงินปันผลประจำปี โดยอ้างแรงกดดันจากการนำเข้าสินค้าล่วงหน้าของคู่แข่งก่อนที่ทรัมป์จะขึ้นภาษี นักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัท Megacap อย่าง Meta, Microsoft, Amazon และ Apple ที่จะประกาศในสัปดาห์นี้ รวมถึงแถลงการณ์ของเฟดและข้อมูลตลาดแรงงานที่จะออกมาในวันศุกร์
2. IMF ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจสำหรับกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนาในปี 2025 จาก 3.7% เป็น 4.1% โดยปรับทัศนะในเศรษฐกิจจีนเป็นบวกมากขึ้น หลังตัวเลขจีดีพีจีนปี 2025 ถูกปรับเพิ่มจาก 4.0% เป็น 4.8% ส่วนหนึ่งเพราะอัตราภาษีศุลกากรสหรัฐฯ-จีนถูกลดลงจาก 24.4% เหลือ 17.3% ซึ่งอาจบรรเทาข้อพิพาททางการค้า แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจโลกปี 2025 จะปรับเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเป็น 3.0% ขณะที่บางประเทศ เช่น รัสเซียและเกาหลีใต้ กลับถูกปรับลดประมาณการ สำหรับจีน ไตรมาส 2 ปี 2025 เติบโต 5.2% แต่ยังต้องจับตาความเสี่ยงใหม่จากความเปราะบางด้านข้อตกลงการค้าและปัญหาภาษีที่ยังไม่ได้ข้อสรุป ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนใน 12 สิงหาคม 2025
3. เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และจีนตกลงที่จะขยายเวลาพักรบภาษีศุลกากร 90 วัน หลังการเจรจาที่สตอกโฮล์ม โดยไม่มีความคืบหน้าสำคัญ แต่ Scott Bessent รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ระบุว่าการพบปะเป็นไปด้วยดี ทรัมป์จะเป็นผู้ตัดสินใจขั้นสุดท้ายเรื่องการขยายเวลาพักรบที่จะหมดในวันที่ 12 สิงหาคม ทั้งสองฝ่ายอาจมีการประชุมอีกครั้งใน 90 วัน โดยจีนต้องการให้สหรัฐฯ ลดภาษีและผ่อนคลายการควบคุมการส่งออกเทคโนโลยี ขณะที่สหรัฐฯ ต้องการให้จีนปรับเปลี่ยนจากเศรษฐกิจที่นำโดยรัฐและขับเคลื่อนด้วยการส่งออก มาเป็นเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยความต้องการของผู้บริโภค
4. นักวิเคราะห์ปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรบริษัทจดทะเบียนยุโรปไตรมาส 2/2025 เป็นเติบโต 1.8% เมื่อเทียบกับปีก่อน หลังสหภาพยุโรปบรรลุข้อตกลงการค้ากับสหรัฐ ลดความไม่แน่นอนเรื่องสงครามการค้า ต้นทุนภาษีนำเข้าสำหรับสินค้า EU-to-US จะถูกจำกัดที่ 15% ซึ่งต่ำกว่าภัยคุกคามเดิมที่ 30% จากประธานาธิบดีทรัมป์ แม้จะสูงกว่าระดับที่ธุรกิจต้องการ แต่ตลาดมองว่าเป็นปัจจัยบวกระยะสั้นสำหรับกำไรและเสถียรภาพบริษัทขนาดใหญ่ เรายังคงแนะนำลงทุนในหุ้นยุโรปผ่าน ES-EG-A
5. ตลาดแรงงานสหรัฐฯ ในเดือนมิถุนายน 2025 ชะลอตัวชัดเจน ตัวเลขตำแหน่งงานว่างลดลง 275,000 ตำแหน่ง เหลือ 7.437 ล้านตำแหน่ง ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 7.55 ล้าน ขณะที่ตัวเลขการจ้างงานใหม่หดตัวลง 261,000 ตำแหน่ง เหลือ 5.204 ล้านตำแหน่ง ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดรอบ 7 เดือน ภาคบริการอย่างที่พักและร้านอาหารถูกกระทบแรง ตำแหน่งงานว่างลด 308,000 ส่วนการจ้างงานใหม่ลด 106,000 ด้านจำนวนการปลดคนงานยังเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยที่ 1.604 ล้านรายการ สะท้อนว่านายจ้างยังคงลังเลในการเลิกจ้าง สำหรับแนวโน้มข้างหน้า นักวิเคราะห์คาดว่าการจ้างงานนอกภาคเกษตรในเดือนกรกฎาคมจะเพิ่มแค่ 102,000 ตำแหน่ง จาก 147,000 ในเดือนก่อนหน้า ขณะที่อัตราว่างงานอาจขยับขึ้นเป็น 4.2% ด้านเฟดคาดว่าจะคงดอกเบี้ยไว้ที่ 4.25%-4.50% เพื่อรอฟังทิศทางเศรษฐกิจเพิ่มเติม
6. เจรจาระดับผู้บัญชาการทหารไทย-กัมพูชาใน 3 พื้นที่ชายแดน (คลองลึก จ.สระแก้ว, ช่องจอม จ.สุรินทร์, ชายแดนจันทบุรี-ตราด) สำเร็จด้วยความเห็นพ้องหยุดยิงทันที ห้ามเคลื่อนย้ายหรือเสริมกำลัง, ไม่ใช้กำลังต่อประชาชน และตั้งชุดประสานงานระหว่างกัน รอประชุม GBC 4 ส.ค.2568 เพื่อกำหนดแนวทางถาวร ขณะเดียวกันเหตุปะทะตั้งแต่ พ.ค. 2568 มีผู้เสียชีวิต 15 ราย เจ็บ 38 คน การตกลงครั้งนี้เป็นผลต่อเนื่องจากการประชุมที่ปุตราจายา 28 ก.ค. 2568 เพื่อลดความตึงเครียด ถือเป็นพัฒนาการที่ดีในการแก้ปัญหาความขัดแย้งของไทย-กัมพูชา
ประเด็นที่ต้องติดตาม: GDP ยุโรปไตรมาสที่ 2/2025 คาดการณ์ที่ 1.2% YoY ก่อนหน้าที่ 1.5% YoY และ GDP ไตรมาสที่ 2/2025 ของสหรัฐฯ คาดการณ์ที่ 2.4% QoQ ก่อนหน้าที่ -0.5% QoQ