1. ดัชนีหุ้นโลกปรับตัวลง ดอลลาร์แข็งค่า หลังพาวเวลล์ไม่ชี้ชัดเรื่องการลดดอกเบี้ยเดือนกันยายน
2. GDP ไตรมาส 2 ของสหรัฐฯขยายตัว 3% ดีกว่าคาด แต่ซ่อนความอ่อนแอภายใน
3. เฟดคงดอกเบี้ยตามคาด แต่เสียงแตก
4. Trump ประกาศข้อตกลงการค้ากับเกาหลีใต้ กำหนดภาษี 15% พร้อมเงินลงทุน $350 พันล้าน
5. ทรัมป์ประกาศเก็บภาษีนำเข้าจากอินเดีย 25% แต่ยังเปิดทางเจรจา
6. META และ Microsoft ผลประกอบการดีกว่าคาด ดันราคาหุ้นทะยานหลังตลาดปิด
7. กระทรวงการคลังปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP ไทยปี 2568 ขยายตัว 2.2% สอดคล้อง IMF ที่ขยับมุมมองเป็น 2.0%
8. ไทยอยู่ระหว่างพิจารณา Final draft ภาษีศุลกากรจากสหรัฐฯ คาดอัตรา 19–20% ใกล้เคียงภูมิภาค
1. ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลง โดยดัชนี S&P500 ปรับตัวลดลง -0.12% ในขณะที่ดัชนี Nasdaq ปรับตัวเพิ่มขี้น +0.15% ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น 1.01% หลังจากประธาน Fed เจอโรม พาวเวลล์ ระบุว่ายังเร็วเกินไปที่จะตัดสินใจลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายน โดย Fed คงอัตราดอกเบี้ยไว้ในการประชุมล่าสุด ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลงหลังจากพาวเวลล์กล่าวว่า Fed จะตัดสินใจหลังจากพิจารณาข้อมูลเศรษฐกิจก่อนการประชุมครั้งหน้า นอกจากนี้ ทรัมป์ประกาศเก็บภาษีนำเข้าทองแดง 50% ส่งผลให้ราคา Comex copper futures ดิ่งลง 19.5% พร้อมประกาศภาษี 50% สำหรับสินค้านำเข้าจากบราซิล และ 25% สำหรับอินเดีย เริ่มวันที่ 1 สิงหาคม
2. ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐฯ ไตรมาส 2 ปี 2025 ขยายตัว 3% ต่อปี (annualized) พลิกกลับจากติดลบ 0.5% ในไตรมาสแรก ทั้งนี้ตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 2.3-2.4% โดยปัจจัยบวกหลักคือการลดลงของการนำเข้าอย่างมากหลังจากมีการเร่งนำเข้าสินค้าก่อนกระแสการกีดกันทางการค้าของรัฐบาล แต่รายจ่ายพื้นฐานของภาคธุรกิจและผู้บริโภค (private domestic demand) ขยายตัวเพียง 1.2% ช้าสุดในรอบ 2 ปีครึ่ง ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนหดตัวแรง บ่งบอกถึงความอ่อนแอในบางภาคส่วนของเศรษฐกิจ
3. เฟด (Fed) มีมติ 9-2 คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ช่วง 4.25%-4.50% ในการประชุมวันที่ 30 กรกฎาคม 2025 เป็นครั้งที่ห้าติดต่อกัน โดยผู้ลงมติ “คัดค้าน” 2 ราย ได้แก่ Michelle Bowman และ Christopher Waller ซึ่งเป็นผู้ได้รับการแต่งตั้งจากโดนัลด์ ทรัมป์ การประชุมครั้งนี้เกิดการแยกเสียงในบอร์ดเฟดถึง 2 คน ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เกิดขึ้นนานกว่า 30 ปี ทั้งนี้ เฟดยังคงมีท่าทีระวังต่อทิศทางเงินเฟ้อและยังไม่ให้แนวทางชัดเจนว่าจะลดดอกเบี้ยเมื่อใด
4. ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศผ่าน Truth Social ว่าสหรัฐฯ ได้บรรลุข้อตกลงทางการค้าครบถ้วนกับเกาหลีใต้ โดยตั้งภาษีศุลกากร 15% กับสินค้าขาออกจากเกาหลีใต้ทั้งหมดจากเดิมที่ขู่จะตั้ง 25% ขณะที่เกาหลีใต้ตกลงลงทุนในสหรัฐฯ มูลค่า $350 พันล้าน ในอุตสาหกรรมเป้าหมายของสหรัฐฯ และเตรียมเปิดตลาดให้สินค้าอเมริกันเข้าไปแบบปลอดภาษี เกาหลีใต้ยังจะซื้อพลังงานและก๊าซธรรมชาติเหลวจากอเมริกามูลค่า $100 พันล้าน ข้อตกลงฉบับนี้ถูกมองว่าเป็นชัยชนะในเวทีการเมืองภายในของทรัมป์และของประธานาธิบดีเกาหลีใต้คนใหม่ แต่ถูกวิจารณ์เรื่องรายละเอียดเนื้อหาที่ยังคลุมเครือและภาษีใหม่ที่สูงกว่าก่อนยุคทรัมป์ จุดสำคัญคือการยุติการต่อรองและบังคับประเทศคู่ค้าให้ยอมลดกฎเกณฑ์และลงทุนขนาดยักษ์ในสหรัฐฯ
5. ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศจะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากอินเดีย 25% เริ่มวันศุกร์นี้ พร้อมบทลงโทษที่ยังไม่ระบุรายละเอียด แต่ยังเปิดช่องเจรจา โดยระบุว่าอินเดียมีอัตราภาษีสูงที่สุดในโลกและมี non-monetary Trade Barriers ที่รุนแรง นอกจากนี้ยังวิจารณ์อินเดียซื้ออาวุธและพลังงานจากรัสเซียและเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม BRICS ที่เป็นปฏิปักษ์กับสหรัฐฯ ภาษีนี้สูงกว่าที่เรียกเก็บจากประเทศอื่นๆ เช่น เวียดนาม (20%), อินโดนีเซีย (19%), ญี่ปุ่นและ EU (15%) ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกของอินเดียมูลค่าประมาณ 87 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024
6. META และ Microsoft รายงานผลประกอบการไตรมาสล่าสุดออกมาดีเกินคาด โดยได้แรงหนุนจากการลงทุนใน AI และรายได้กลุ่มคลาวด์ ผลตอบรับจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ เป็นบวกแรง หุ้น META พุ่งราว 11% ในช่วง After Hours หลังรายได้และกำไรสูงกว่าคาดและประกาศเพิ่มการลงทุนใน AI ส่วน Microsoft ราคาหุ้นขยับขึ้นราว 8% และแตะ Market Cap สูงสุดใหม่ จากการเติบโตของธุรกิจคลาวด์ที่เติบโตสูงราว 26% ในขณะที่รายได้จาก Azure เพิ่มขึ้นราว 39%
7. กระทรวงการคลังประกาศปรับเพิ่มประมาณการ GDP ไทยปี 2568 เป็นขยายตัว 2.2% (เดิม 2.1%) อยู่ในกรอบคาดการณ์ 1.7-2.7% ด้วยแรงหนุนจากการผลิตภาคอุตสาหกรรมและการส่งออกที่ฟื้นตัวดีกว่าคาด ขณะที่อุปสงค์ในประเทศเติบโตต่อเนื่อง ด้าน IMF ก็เพิ่มคาดการณ์ GDP ไทยปี 2568 เป็น 2.0% (เดิม 1.8%) มองแรงส่งระยะสั้นจากนโยบายภาษีที่ผ่อนคลาย ตลาดนักวิเคราะห์ชี้ การเติบโตแม้ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยก่อนโควิด แต่สัญญาณการลงทุนและการขอรับการส่งเสริมการลงทุนครึ่งปีแรกของ BOI เกิน 1 ล้านล้านบาท คาดจะเพิ่มความเชื่อมั่นในระยะถัดไป อย่างไรก็ตาม ยังต้องจับตาความเสี่ยงจากภาษีสหรัฐและปัจจัยภายนอก
8. รัฐบาลไทยอยู่ระหว่างการเจรจาร่างสุดท้ายกับสหรัฐฯ เพื่อบรรเทาภาษีศุลกากรจากเดิม 36% ให้เหลือในช่วง 19–20% ใกล้เคียงกับประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน หลังได้รับแรงกดดันจากสหรัฐฯ ให้เปิดตลาดและลดดุลการค้า การเจรจานี้มีความสำคัญสูง เพราะหากบรรลุข้อตกลงก่อน 1 สิงหาคม 2025 ไทยจะรอดพ้นจากภาษีระดับ 36% ที่จะส่งผลกระทบมหาศาลต่อการส่งออก โดยผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าหากตกลงในอัตราไม่เกิน 20% จะช่วยฟื้นความเชื่อมั่นนักลงทุนและลดแรงกดดันต่อเศรษฐกิจ
ประเด็นที่ต้องติดตาม: Manufacturing PMI จีนในเดือน ก.ค. คาดการณ์ที่ 49.7 จุด ก่อนหน้าที่ 49.7 จุด และ Non-Manufacturing PMI จีนในเดือน ก.ค. คาดการณ์ที่ 50.3 จุด ก่อนหน้าที่ 50.5 จุด