Keyword
Bites for Breakfast

Bites for Breakfast - เรื่องต้องรู้ ก่อนเทรด วันนี้ 1 ส.ค. 2568

1 Aug 25 7:30 AM
Bites-Thumbnail-01
สรุปสาระสำคัญ

1. ดอลลาร์แข็งค่า ขณะที่ดัชนีหุ้นโลกปรับตัวลง ท่ามกลางความกังวลเรื่องเงินเฟ้อและภาษี
2. แคนาดาโดนภาษี 35% ในขณะที่แม็กซิโกต่อการเจรจาไปอีก 90 วัน
3. ไทยบรรลุข้อตกลงการค้าสหรัฐฯ โดยภาษี 19%
4. BoJ ส่งสัญญาณคงอัตราดอกเบี้ยที่ 0.5% ไม่เร่งขึ้นดอกเบี้ย
5. อัตราการว่างงานเดือน มิ.ย. ในยุโรปต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ชี้ตลาดงานแข็งแกร่ง
6. ผลประกอบการ Amazon Cloud Computing ไม่ถึงเป้า ส่งผลให้หุ้นดิ่ง
7. Apple เผยรายได้เหนือคาด ยอดขาย iPhone พุ่ง 13.5% ท่ามกลางแรงกดดันจากภาษีทรัมป์
8. โรงกลั่นน้ำมันของรัฐอินเดียหยุดซื้อน้ำมันรัสเซีย

Bites for Breakfast - เรื่องต้องรู้ ก่อนเทรด วันนี้ 1 ส.ค. 2568

 

Bites for Breakfast

By INVX Investment Products & Strategy
01 August 2025


1. ดัชนีดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น ขณะที่หุ้นส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง โดย S&P 500 ลดลง 0.37% และ Nasdaq ลดลง 0.03% แม้จะมีผลประกอบการที่ดีจาก Meta และ Microsoft ตลาดยังคงกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นและนโยบายภาษีของทรัมป์ที่มีกำหนดเส้นตายในวันที่ 1 สิงหาคม โดยเม็กซิโกได้รับการผ่อนผันภาษี 90 วันเพื่อเจรจาข้อตกลงการค้า ขณะที่เกาหลีใต้จะถูกเก็บภาษี 15% พร้อมแลกกับการลงทุน $350 พันล้านในโครงการสหรัฐฯ ด้าน Fed คงอัตราดอกเบี้ย โดย Powell ระบุต้องรอข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจปรับอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน ส่วนราคาน้ำมันปรับตัวลง 1% และทองคำปรับตัวขึ้นจากความไม่แน่นอนด้านภาษี


2. ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหาร ปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากแคนาดาจาก 25% เป็น 35% มีผลวันที่ 1 สิงหาคม 2025 อ้างเหตุผลกรณีฟินทานิลและตอบโต้ที่แคนาดามีมาตรการตอบโต้ทางเศรษฐกิจต่อสหรัฐฯ โดยสินค้าภายใต้ข้อตกลง USMCA ยังได้รับการยกเว้น ขณะเดียวกัน ทรัมป์ประกาศขยายเวลาเจรจากับเม็กซิโกออกไปอีก 90 วัน โดยยังคงอัตราภาษีที่ 25% สำหรับเฟนทานิลและรถยนต์ และ 50% สำหรับเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดง สินค้าใน USMCA ได้รับการยกเว้น ฝ่ายแคนาดา-เม็กซิโกระบุเตรียมตอบโต้หากสหรัฐฯ เดินหน้าเก็บภาษีรอบใหม่ การปรับขึ้นภาษีรอบนี้กระทบ Supply Chain สำคัญในอุตสาหกรรมโลหะ ยานยนต์ และผลิตภัณฑ์สำคัญของภูมิภาค


3. สหรัฐฯ และไทยได้บรรลุข้อตกลงการค้ารอบล่าสุด โดยสหรัฐฯ ประกาศใช้ภาษีนำเข้าสินค้าไทยที่ 19% ซึ่งต่ำกว่าระดับ 36% ที่มีการขู่ว่าจะใช้ตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา ทั้งนี้ภาษี 19% ที่ไทยได้รับถือว่าอยู่ในระดับปานกลางใกล้เคียงกับภูมิภาค จึงส่งผลให้ไทยไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตามภาษี 19% ยังคงดีกว่าของเวียดนามที่ได้เจรจาไปก่อนหน้านี้ที่ 20% รวมถึงยังคงต้องติดตามรายละเอียดเงื่อนไขของไทยที่เสนอให้กับสหรัฐฯด้วย


4. ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.5% ต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 4 ติดต่อกัน ท่ามกลางความไม่แน่นอนจากเศรษฐกิจโลกและผลกระทบจากข้อตกลงการค้าระหว่างญี่ปุ่น-สหรัฐฯ ที่เพิ่งบรรลุ BoJ ยังคงมีมุมมองเชิงระมัดระวัง แม้จะมีแรงกดดันจากเงินเฟ้ออาหารและราคาสินค้าที่สูงขึ้น โดยประเมินว่าแนวโน้มเงินเฟ้ออาจเกินเป้าหมาย 2% ในระยะสั้นแต่ยังไม่มั่นใจว่าจะยั่งยืนในระยะกลาง BoJ ให้สัญญาณพร้อมขึ้นอัตราดอกเบี้ยหากเงินเฟ้อ "ฐาน" ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง และยังคงเดินหน้าลดขนาดการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้ตลาดสามารถปรับตัวรับช่วงต่อได้ ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ประเมินว่า BoJ อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งช่วงปลายปี 2025 หากเศรษฐกิจรองรับได้


5. ข้อมูลจาก Eurostat เผยว่าอัตราว่างงานในยูโรโซนประจำเดือนมิถุนายน 2025 ยังคงทรงตัวอยู่ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 6.2% ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนพฤษภาคม ซึ่งตัวเลขของเดือนพฤษภาคมได้ถูกปรับลดลงจาก 6.3% เป็น 6.2% เช่นกัน สถานการณ์นี้สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของตลาดแรงงานในกลุ่มประเทศยุโรป แม้จะเผชิญกับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกและการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ข้อมูลดังกล่าวยังคงบ่งชี้ถึงแนวโน้มบวกของเศรษฐกิจยุโรป ซึ่งอาจสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนและการลงทุนในตลาดทุนของยุโรป.


6. Amazon รายงานผลประกอบการที่ทำให้หุ้นร่วงกว่า 7% ในช่วงหลังตลาด แม้จะคาดการณ์ยอดขายไตรมาส 3 สูงกว่าที่ตลาดคาด แต่ผลประกอบการของ AWS ไม่สามารถทำได้ตามความคาดหวังที่สูง หลังจากคู่แข่งอย่าง Microsoft และ Alphabet รายงานผลเติบโตที่แข็งแกร่งกว่า โดย AWS มี margin ลดลงเหลือ 32.9% จาก 35.5% ในปีก่อน ขณะที่รายได้เพิ่มขึ้น 17.5% เทียบกับ Azure ที่เติบโต 39% และ Google Cloud ที่เติบโต 32% นักวิเคราะห์กังวลว่า Amazon อาจล้าหลังคู่แข่งในการพัฒนา AI ส่วนธุรกิจ e-commerce ยังไม่ได้รับผลกระทบจากนโยบายภาษีของทรัมป์


7. Apple รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ที่สูงเกินคาด โดยมีรายได้ $94.04 พันล้าน เพิ่มขึ้น 10% และคาดการณ์การเติบโตในไตรมาสถัดไปที่ "mid to high single digits" ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 3.27% ยอดขาย iPhone เพิ่มขึ้น 13.5% แตะ $44.58 พันล้าน ส่วนหนึ่งเป็นผลจากลูกค้าเร่งซื้อก่อนมาตรการภาษีของทรัมป์จะมีผล ทิม คุก เปิดเผยว่าภาษีทำให้ Apple มีต้นทุนเพิ่ม $800 ล้านในไตรมาสที่ผ่านมา และอาจเพิ่มอีก $1.1 พันล้านในไตรมาสปัจจุบัน บริษัทกำลังปรับการผลิตโดยย้ายฐานจากจีนไปยังอินเดียและเวียดนาม


8. โรงกลั่นน้ำมันของรัฐอินเดียได้หยุดซื้อน้ำมันดิบจากรัสเซียในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากส่วนลดที่ลดลงและคำเตือนจากประธานาธิบดีทรัมป์เกี่ยวกับการซื้อน้ำมันจากมอสโก โรงกลั่นของรัฐอินเดียได้แก่ Indian Oil Corp, Hindustan Petroleum Corp, Bharat Petroleum Corp และ Mangalore Refinery Petrochemical Ltd ได้หันไปซื้อน้ำมันดิบจากตลาด spot โดยเฉพาะจากตะวันออกกลางและแอฟริกาตะวันตกแทน ทั้งนี้ อินเดียเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่อันดับ 3 ของโลกและเป็นผู้ซื้อน้ำมันดิบรัสเซียทางทะเลรายใหญ่ที่สุด โดยทรัมป์ขู่เก็บภาษี 100% กับประเทศที่ซื้อน้ำมันรัสเซีย


ประเด็นที่ต้องติดตาม: CPI ยุโรป เดือน ก.ค. คาดการณ์ที่ 1.9% ก่อนหน้าที่ 2.0% และการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯ เดือน ก.ค. คาดการณ์ที่ 1.06 แสนตำแหน่ง ก่อนหน้าที่ 1.47 แสนตำแหน่ง

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5