Keyword
Bites for Breakfast

Bites for Breakfast - เรื่องต้องรู้ ก่อนเทรด วันนี้ 17 ต.ค. 2568

17 Oct 25 7:50 AM
Bites-Thumbnail-01
สรุปสาระสำคัญ

1. หุ้นเอเชียลดลงตามสหรัฐฯ หลังหนี้เสียธนาคารสหรัฐฯ กระทบความเชื่อมั่นตลาด

2. นายกฯ ฝรั่งเศส “เลอคอร์นู” เตรียมเผชิญศึกงบประมาณ หลังรอดโหวตไม่ไว้วางใจ

3. วอลเลอร์หนุนเฟดลดดอกเบี้ยระมัดระวัง–มิแรนชี้ควรลด 0.5%

4. ทรัมป์เผยเตรียมพบ “ปูติน” อีกครั้งใน 2 สัปดาห์ หวังผลักดันหยุดสงครามยูเครน

5. อูเอดะเปิดทางขึ้นดอกเบี้ย หากมั่นใจเศรษฐกิจแข็งแกร่ง จับตาการประชุมสิ้นเดือนนี้

6. อินเดียปฏิเสธรายงานโทรศัพท์คุย “ทรัมป์–โมดี” หลังถูกอ้างตกลงหยุดซื้อน้ำมันรัสเซีย

7. ม.หอการค้าไทยคาด “คนละครึ่งพลัส”- ท่องเที่ยว หนุน GDP ไตรมาส 4/68 โตเพิ่ม 0.5–0.8% 

Bites for Breakfast
By INVX Investment Products & Strategy
17 October 2025

1. ตลาดหุ้นเอเชียเปิดอ่อนตัวตามทิศทางวอลล์สตรีท หลังความกังวลด้านเครดิตกลับมากดดันตลาดจากข่าวหนี้เสียในธนาคารภูมิภาคสหรัฐฯ สองแห่ง ดัชนี Topix ร่วง 0.8%, S&P/ASX 200 ลดลง 0.3% และ Kospi อ่อน 0.4% ขณะที่ฟิวเจอร์ส S&P 500 ลดลง 0.3% หลังดัชนีหลักปิดลบเมื่อคืน 0.6% จากแรงขายหุ้นการเงิน ทองคำและเงินพุ่งทำสถิติสูงสุดใหม่จากความกังวลคุณภาพสินเชื่อและความตึงเครียดสหรัฐฯ–จีน ดอลลาร์อ่อนค่าต่อเนื่อง ส่วนบอนด์ยีลด์ 10 ปีร่วงต่ำกว่า 4% นักลงทุนยังติดตามการเจรจาทรัมป์–ปูตินเรื่องยูเครน และการประชุมเฟดปลายเดือนนี้ ซึ่งคาดจะลดดอกเบี้ยต่อเนื่อง

 

2. นายกรัฐมนตรีเซบาสเตียง เลอคอร์นู ของฝรั่งเศสรอดจากญัตติไม่ไว้วางใจ 2 ครั้งเมื่อวันพฤหัสบดี หลังยอมระงับกฎหมายปฏิรูปบำนาญปี 2023 เพื่อแลกกับเสียงสนับสนุนจากพรรคสังคมนิยม เปิดทางให้รัฐบาลเดินหน้าการอภิปรายงบประมาณปี 2026 ซึ่งมีเป้าหมายลดขาดดุลการคลังลงเหลือ 4.7% ของ GDP จาก 5.4% ในปีนี้ ด้านนักลงทุนคลายกังวลการเมือง ส่งผลให้ดัชนี CAC 40 ปรับขึ้น 1.4% และส่วนต่างพันธบัตรฝรั่งเศส–เยอรมนีลดลงเหลือ 77 จุดเบส พรรครัฐบาลยังต้องเผชิญแรงกดดันจากฝ่ายค้านที่ขู่ว่าจะยื่นญัตติไม่ไว้วางใจอีก หากรัฐบาลไม่เคารพข้อตกลงระงับกฎหมายบำนาญ

 

3. คริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ กรรมการเฟดระบุว่า เฟดควรลดดอกเบี้ยอย่างระมัดระวังครั้งละ 0.25% เพื่อพยุงตลาดแรงงานที่อ่อนแรงลง โดยให้ “รอดูผลก่อนตัดสินใจครั้งถัดไป” ขณะที่สตีเฟน มิแรน เสนอให้ลดแรงกว่าที่ 0.5% เนื่องจากความเสี่ยงเศรษฐกิจจากสงครามการค้าสหรัฐฯ–จีนที่รุนแรงขึ้น เขามองว่าเฟดควรลดรวม 3 ครั้งในปีนี้เพื่อบรรเทาผลกระทบ เฟดจะประชุมอีกครั้งวันที่ 28–29 ตุลาคม โดยพาวเวลคาดว่าจะลด 0.25% ตามเดิม ทั้งนี้ วอลเลอร์เตือนว่าหากชัตดาวน์รัฐบาลยืดเยื้อ อาจกระทบ GDP ในไตรมาส 4 ก่อนฟื้นตัวในต้นปี 2026

 

4. ปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ ระบุว่าจะพบ ปธน. วลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซียในกรุงบูดาเปสต์ภายในราว 2 สัปดาห์ เพื่อเจรจายุติสงครามยูเครน หลังการพูดคุยทางโทรศัพท์กว่า 2 ชั่วโมง ทรัมป์แสดงความเชื่อมั่นว่าการประชุมครั้งนี้จะช่วยให้เกิด “ความคืบหน้าเรื่องการหยุดยิง” แม้การพบกันในอลาสกาครั้งก่อนล้มเหลวก็ตาม ทั้งสองฝ่ายเตรียมจัดการประชุมเจ้าหน้าที่ระดับสูงนำโดยมาร์โก รูบิโอ รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ และเซอร์เก ลาฟรอฟ รมว.ต่างประเทศรัสเซียในสัปดาห์หน้า ก่อนการประชุมสุดยอดผู้นำ ขณะที่ ปธน.โวโลดีมีร์ เซเลนสกี เตรียมพบทรัมป์ในวันศุกร์ เพื่อผลักดันให้สหรัฐฯ ส่งอาวุธและระบบป้องกันภัยทางอากาศเพิ่มเติม

 

5. คาซุโอะ อูเอดะ ผู้ว่าฯ BOJ ส่งสัญญาณเปิดทางปรับขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มเติม หากมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่าเศรษฐกิจสามารถบรรลุเป้าหมายการเติบโตได้ โดยระบุว่า “จุดยืนของเรายังไม่เปลี่ยน หากความมั่นใจเพิ่มขึ้น เราจะปรับลดระดับการผ่อนคลายทางการเงิน” อูเอดะเผยว่าจะรอข้อมูลเศรษฐกิจเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจในการประชุม 29–30 ต.ค. ตลาดให้น้ำหนักเพียง 17% ต่อการขึ้นดอกเบี้ยในเดือนนี้ ลดลงจาก 68% ก่อนหน้าหลังสถานการณ์การเมืองในประเทศไม่แน่นอน ขณะเงินเยนอ่อนค่าต่อเนื่องเพิ่มแรงกดดันให้ BOJ ต้องพิจารณาขึ้นดอกเบี้ยในระยะใกล้

 

6. กระทรวงการต่างประเทศอินเดียระบุว่า “ไม่ทราบถึงการสนทนาใด ๆ” ระหว่างนายกฯ นเรนทรา โมดี กับปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ หลังทรัมป์กล่าวว่าโมดีให้คำมั่นจะยุติการซื้อน้ำมันจากรัสเซีย ซึ่งเป็นประเด็นขัดแย้งทางการค้าระหว่างสองประเทศ โฆษกแรนเดียร์ ไจสวาล ย้ำว่าอินเดียให้ความสำคัญกับ “ผลประโยชน์ของผู้บริโภค” ในการกำหนดนโยบายพลังงาน และยังคงซื้อจากแหล่งที่คุ้มค่าที่สุด ขณะที่แหล่งข่าวจากรัฐวิสาหกิจน้ำมันเผยว่าไม่ได้รับแจ้งการเปลี่ยนแปลงใด ๆ หลังคำพูดของทรัมป์ รัสเซียยังมั่นใจว่าอินเดียจะซื้อน้ำมันต่อไปเพราะต้นทุนต่ำกว่าแหล่งอื่น

 

7. ม. หอการค้าไทยประเมิน “คนละครึ่งพลัส” และมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวจะหนุน GDP ใน 4Q68 เติบโตเพิ่มขึ้น 0.5-0.8% หนุนให้ GDP ปี 2568 เติบโตแตะ 2.0-2.2% และประเมินประชาชนจะเร่งใช้ “คนละครึ่งพลัส” ภายใน 10-12 วัน ทำให้ ศก. ไทยในช่วง พ.ย. 2568 น่าจะมีความคึกคัก โดยเฉพาะช่วงวันลอยกระทง (5 พ.ย.)

 
ประเด็นที่ต้องติดตาม: Housing Starts ของสหรัฐฯ เดือน ก.ย. คาดว่าจะออกมาที่ 1.32M จากก่อนหน้าที่ 1.307M

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5