Keyword
Bites for Breakfast

Bites for Breakfast - เรื่องต้องรู้ ก่อนเทรด วันนี้ 22 ต.ค. 2568

22 Oct 25 7:30 AM
Bites-Thumbnail-01
สรุปสาระสำคัญ

1. ตลาดหุ้นปรับตัวในกรอบ นักลงทุนติดตามผลประกอบการ
2. ทองคำร่วงแรง -4.9% หลังทำ All time high บริเวณ $4,381
3. ทรัมป์หารือโมดีเรื่อง พร้อมกดดันอินเดียลดนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย
4. OpenAI เปิดตัวเบราว์เซอร์ AI ใหม่ “ChatGPT Atlas” กดดันหุ้น Alphabet
5. Netflix ร่วงหลังรายงานผลการดำเนินงานต่ำกว่าคาด
6. ครม. ไทย เห็นชอบ 5 มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายใต้โครงการ “เที่ยวดี มีคืน” 

Bites for Breakfast
By INVX Investment Products & Strategy
22 October 2025


1. ดัชนีหุ้นหลักทั่วโลกเคลื่อนไหวในกรอบ โดยนักลงทุนติดตามผลประกอบการ (Earnings) และแนวโน้มของบริษัทชั้นนำสหรัฐฯ เช่น GM และ Coca-Cola ที่ประกาศผลประกอบการดีกว่าคาด ขณะที่ราคาทองคำ (Spot gold) ร่วงแรง 5.31% หลังนักลงทุนขายทำกำไรจากการปรับขึ้นก่อนหน้า ดัชนี Dow Jones ปรับขึ้น 0.47% ส่วน Nasdaq ลดลง -0.16% ด้านค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเยนและยูโร หลังญี่ปุ่นได้ผู้นำหญิงคนแรกเป็นนายกรัฐมนตรี นักลงทุนจับตาการพบปะระหว่าง ทรัมป์ และ สี จิ้นผิง สัปดาห์หน้าและแนวโน้ม Rate cut ของ Fed ที่อาจเกิดขึ้น 3 ครั้งใน 6 เดือนข้างหน้า ขณะที่บอนด์ยีลด์ 10 ปีสหรัฐฯ ลดลงเล็กน้อย และราคาน้ำมันปรับขึ้นเล็กน้อย


2. ราคาทองคำ (Spot Gold) ร่วงลง 4.9% แตะระดับ $4,143 ต่อออนซ์ หลังจากทำสถิติ All-time High ที่ $4,381 ในวันก่อนหน้า โดยเป็นการปรับลงรายวันแรงสุดในรอบ 5 ปี นักลงทุนขายทำกำไรหลังราคาเพิ่มขึ้นจากความคาดหวังการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดและความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ ขณะที่ Dollar Index แข็งค่าขึ้น 0.4% กดดันราคาทอง ส่วน Silver ร่วงกว่า 6.8% และ Platinum, Palladium ปรับลงแรงเช่นกัน ตลาดจับตา CPI สหรัฐฯ วันศุกร์นี้ และคาดเฟดจะลดดอกเบี้ย 25 bps ในสัปดาห์หน้า


3. ประธานาธิบดีทรัมป์เปิดเผยว่าได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรีโมดีของอินเดีย โดยเน้นประเด็นการค้าพร้อมหารือเรื่องการนำเข้าพลังงาน โดยอินเดียให้คำมั่นว่าจะจำกัดการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย ซึ่งเป็นมาตรการที่สหรัฐฯ ต้องการเพื่อกดดันรัสเซียให้เจรจาสันติภาพในยูเครน ทั้งนี้อินเดียและจีนเป็นผู้ซื้อน้ำมันรายใหญ่จากรัสเซีย ขณะที่ทรัมป์ได้ใช้มาตรการขึ้นภาษีกับสินค้าส่งออกของอินเดียเพื่อกดดันให้ลดการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย


4. OpenAI เปิดตัว “ChatGPT Atlas” เบราว์เซอร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งมีฟังก์ชันผู้ช่วยอัจฉริยะในตัว สามารถเรียนรู้พฤติกรรมการค้นหาและดำเนินการแทนผู้ใช้ได้โดยตรง เหตุการณ์นี้สร้างแรงสั่นสะเทือนในตลาดเทคโนโลยี เนื่องจากเป็นภัยคุกคามต่อ Chrome ของ Google ที่ครองตลาดเบราว์เซอร์มากว่า 15 ปี นักวิเคราะห์มองว่า Atlas อาจเพิ่มแรงกดดันต่อโมเดลรายได้จากโฆษณาของ Google ซึ่งคิดเป็นมากกว่าครึ่งหนึ่งของรายได้ของ Alphabet แม้ว่าระยะสั้นผลกระทบยังจำกัด แต่สัญญาณด้านการแข่งขันในเทคโนโลยี AI-first browser เริ่มชัดเจนขึ้น อย่างไรก็ตามหุ้น Alphabet มีแรงหนุนหลังมีข่าวการเจรจากับ Anthopic ผู้เป็นเจ้าของ Claude AI เพื่อทำข้อตกลงในการใช้ Cloud ของ Alphabet ในการในการขยาย model ให้ใหญ่มากขึ้น


5. Netflix รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2025 ที่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาด หลังบริษัทบันทึกค่าใช้จ่ายพิเศษมูลค่า 619 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากข้อพิพาทภาษีที่บราซิล ส่งผลให้กำไรต่อหุ้น (EPS) อยู่ที่ 5.87 ดอลลาร์ ต่ำกว่าคาดการณ์ของตลาดที่ 6.96 ดอลลาร์ และทำให้ราคาหุ้นร่วงกว่า -6% ในการซื้อขายหลังตลาดปิด รายได้รวมอยู่ที่ 11.51 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ อัตรากำไรจากการดำเนินงานลดลงเหลือ 28% จาก 30% ในปีที่แล้ว โดย Netflix ยืนยันว่าหากไม่มีค่าใช้จ่ายภาษีในบราซิล บริษัทจะทำได้เกินเป้าหมายเดิมที่ 31.5% ทั้งนี้บริษัทมองว่าผลกระทบนี้จะไม่ส่งผลต่อผลประกอบการในอนาคต Netflix คาดการณ์รายได้ไตรมาส 4 ที่ 11.96 พันล้านดอลลาร์ และ EPS ที่ 5.45 ดอลลาร์ ใกล้เคียงกับประมาณการของนักวิเคราะห์ ด้านรายได้จากโฆษณาเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และมีอัตราการมีส่วนร่วมของผู้ใช้ในสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรเพิ่มขึ้น 15% และ 22% ตามลำดับ


6. คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ 5 มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวปลายปี ภายใต้โครงการ “เที่ยวดี มีคืน” เพื่อส่งเสริมการใช้จ่ายและกระจายรายได้สู่เมืองรอง โดยมาตรการสำคัญคือให้บุคคลธรรมดานำค่าใช้จ่ายด้านที่พักและอาหารไม่เกิน 20,000 บาท มาลดหย่อนภาษีได้ 1 เท่าในเมืองหลัก และ 1.5 เท่าในเมืองรอง มีผลตั้งแต่ 29 ต.ค. ถึง 15 ธ.ค. 2568 ขณะที่นิติบุคคลสามารถหักรายจ่ายจัดอบรมหรือสัมมนาได้ 1.5 เท่า และนำรายจ่ายปรับปรุงโรงแรมมาลดหย่อนได้ 2 เท่า ถึง 31 มี.ค. 2569 ภาครัฐตั้งเป้าให้มาตรการนี้กระตุ้น GDP ไตรมาส 4 เพิ่มประมาณ 0.04% และส่งผลต่อ GDP รวมทั้งไตรมาส ประมาณ 0.44–0.45% เมื่อรวมโครงการอื่น


ประเด็นที่ต้องติดตาม: CPI อังกฤษ เดือน ก.ย. คาดการณ์ที่ 4.0% YoY ก่อนหน้าที่ 3.8% YoY 

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5